ปัจจุบันเครื่องจักรและอุปกรณ์ประเภทและชนิดต่างๆเข้ามามีบทบาททั้งในด้านการผลิตสินค้า
การก่อสร้างต่างๆ
และการอำนวยความสะดวกต่างๆในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้เพื่อสนองตอบความต้องการที่จะให้ได้สินค้าและสิ่งก่อสร้างต่างๆที่มีคุณภาพดี
สะดวกและรวดเร็วในการผลิตและการก่อสร้าง
รวมทั้งการทำงานแทนมนุษย์ที่สะดวกและรวดเร็วเช่นเดียวกันนอกจากนี้ยังมักต้องสนองตอบความต้องการในการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและการก่อสร้างลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกด้วยและความต้องการ
ดังกล่าวเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพตลอดมา
ซึ่งจะเห็นได้จากที่มีการพัฒนา
เครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิตได้มีการนำเอาเครื่องจักรและอุปกรณ์อัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่สามารถทำงานตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้มาใช้มากขึ้น
การนำเอาเครื่องจักรอุปกรณ์มาใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตนั้นมิได้มีเพียงข้อดีที่เครื่องจักรและอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถทำงานตามความต้องการในการผลิตได้เท่านั้นแต่ในอีกด้านหนึ่งแสดงว่าการผลิตนั้นๆ
ขึ้นอยู่กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการผลิต
นั่นก็คือถ้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่นำมาใช้เกิดการชำรุดเสียหายก็จะทำให้การผลิตหยุด
หรือถ้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เมื่อใช้งานไปแล้วเกิดการเสื่อมสภาพขึ้น
สินค้าที่ผลิตออกมาก็จะไม่ได้คุณภาพตามที่กำหนดและความเร็วในการผลิตก็อาจลดลงไปด้วย
นอกจากนี้เมื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์เสื่อมสภาพก็จะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆลดลง
เป็นผลให้มีการสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มมากขึ้น
และหากเครื่องจักรและอุปกรณ์มีการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง
หรือออกแบบมาไม่ดีพอ
รวมทั้งไม่มีการดูแลรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้วก็จะเกิดอันตรายต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องและทำให้เกิดมลภาวะในด้านต่างๆอีกด้วยซึ่งประเด็นเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นข้อเสียของเครื่องจักรและอุปกรณ์เมื่อนำมาใช้ในการผลิต
นอกเหนือไปจากการลงทุนในการจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายในการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์เหล่านี้ในการผลิตที่จะต้องเสียอยู่แล้ว
การปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อรักษาข้อดีไว้
และทำให้ข้อเสียที่จะเกิดขึ้นมีน้อยที่สุดนั้นก็คือ การใช้งาน
(operation) และการบำรุงรักษา (maintenance)
ที่ถูกต้องและเหมาะสมนั่นเอง
โดยการปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งสองประการนี้จะต้องนำมาพิจารณาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์
ซึ่งมักจะเป็นระยะของการศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบเบื่องต้น
(ถ้าเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์มาใช้งานเอง)
หรือระยะของการกำหนดรายละเอียด (specification)
ของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะจัดหามาใช้ในการผลิต
ผลของการนำเอาประเด็นของการใช้งานและการบำรุงรักษามา
พิจารณาตั้งแต่ระยะแรกของวงจรชีวิตนั้นก็จะทำให้ปัญหาของการใช้งานและการบำรุงรักษาที่จะต้องปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆเกิดขึ้นน้อยลง
อย่างไรก็ตามการนำเอาเครื่องละอุปกรณ์อัตโนมัติมาใช้ในการผลิตจะทำให้ความต้องการของการใช้งานทั้งปริมาณและความยุ่งยากลง
แต่ในทางตรงกันข้ามความต้องการบำรุงรักษาทั้งปริมาณและความยุ่งยากซับซ้อนจะมีมากขึ้น
นอกจากนี้ลักษณะของงานบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังขึ้นอยู่กับตัวแปรจำนวนมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันและมักมีลักษณะที่ไม่แน่นอนอีกด้วย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบการจัดการงานบำรุงรักษาที่ดีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการบำรุงรักษา
เครื่องจักรและอุปกรณ์จะเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
วงจรชีวิตของเครื่องจักรและอุปกรณ์
เครื่องจักรและอุปกรณ์มีการเริ่มต้นและสิ้นสุดเช่นเดียวกับมนุษย์ละสัตว์ที่มีการเกิดและตายซึ่งเรียกว่าวงจรชีวิตสำหรับวงจรชีวิตของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการผลิตหรือในโรงงานอุตสาหกรรมนิยมที่จะแบ่งออกเป็น
7
ระยะโดยมีรายละเอียดของระยะต่างๆและการนำเอาการใช้งานและการบำรุงรักษา
มาร่วมพิจารณาในแต่ละระยะดังต่อไปนี้
1.
ความต้องการหรือความคิด
เป็นระยะเริ่มต้นของเครื่องจักรและอุปกรณ์
โดยเริ่มจากมีความต้องการหรือความคิดที่จะสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการผลิต
ซึ่งมักจะเป็นความต้องการหรือความคิดกว้างๆว่าจะสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อนำไปใช้ทำอะไรในกระบวนการผลิตสินค้าที่กำหนด
จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาการใช้งานและการบำรุงรักษามาร่วมพิจารณาในระยะนี้
2. การกำหนดรายะเอียด
เป็นระยะที่นำเอาความต้องการหรือความคิดในระยะแรกมากำหนดรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องในด้านเทคนิคและด้านอื่นๆ
เช่นการกำหนดขนาดกำลังผลิต การกำหนดแผนการดำเนินงาน เป็นต้น
ซึ่งในระยะนี้ควรจะพิจารณาถึงการใช้งานและการบำรุงรักษาของเครื่องจักรและอุปกรณ์
ที่จะสร้างขึ้นด้วยว่าจะต้องมีการควบคุมการใช้งานและการบำรุงรักษาอย่างไร
การนำเอาการใช้งานและการบำรุงรักษามาพิจารณาตั้งแต่ระยะต้นๆของวงจรชีวิตของเครื่องจักรและอุปกรณ์นี้
จะทำให้ค่าใช้จ่ายวงจรชีวิต (life cycle cost, LCC)
หรือค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่ำกว่าการนำเอาการใช้งานและการบำรุงรักษามาพิจารณาในระยะหลังๆของวงจรชีวิต
ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงแก้ไขเครื่องจักรและอุปกรณ์ในช่วงระยะต่างๆของวงจรชีวิตไม่เท่ากัน
เช่น
การปรับปรุงแก้ไขในช่วงระยะของการกำหนดรายละเอียดหรือออกแบบจะถูกกว่าการปรับปรุงแก้ไขเมื่อได้สร้าง
เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นแล้ว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีราคาถูกมักไม่ได้คำนึงถึงการใช้งานและการบำรุงรักษาในระยะต้นๆ
ก็จะมีการชำรุดเสียหายมากเมื่อนำมาใช้งาน
ซึ่งก็จะเป็นผลให้มีค่าใช้จ่ายวงจรชีวิตสูงกว่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีราคาแพงกว่าแต่ไม่มีการนำเอาการใช้งานการ
บำรุงรักษามาร่วมพิจารณาตั้งแต่ระยะต้นๆ
3.
การออกแบบ
เป็นระยะของการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบให้ได้เครื่องจักรและอุปกรณ์ตามรายละเอียดทั้งหมดที่ได้กำหนดไว้ในระยะที่
2 ซึ่งจะรวมการพิจารณาถึงประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
กรรมวิธีการผลิตและแหล่งภายนอกที่จะจัดหาชิ้นส่วนแต่ละชิ้น เป็นต้น
และในช่วงระยะของการออกแบบนี้จะต้องนำเอาการบำรุงรักษามาพิจารณาในรายละเอียดเพื่อเลือกรูปแบบของการบำรุงรักษาที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายวงจรชีวิตต่ำที่สุด
4. การสร้างหรือการผลิต
เป็นระยะของการเอาแบบของชิ้นส่วนต่างๆที่ได้ออกแบบไว้ในระยะที่ 3
มาผลิตหรือจัดหาจากแหล่งภายนอกแล้วนำมาประกอบเข้าเป็นเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ได้ประกอบแล้วมาตรวจและทดสอบซึ่งในระยะนี้จะต้องมีการควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วนที่ได้ผลิตหรือจัดหามาแต่ละชิ้นรวมถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ได้ประกอบแล้วให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้แบบ
ซึ่งคุณภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์นี้จะมีผลโดยตรงต่อการใช้งานและการบำรุงรักษา
5.
การติดตั้งและการทดลองเดินเครื่อง
เป็นระยะของการนำเอาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ได้สร้างหรือผลิตโดยผู้ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วไปติดตั้งในสถานที่หรือโรงงานของผู้ประกอบการ
และหลังจากการติดตั้งแล้วก็จะต้องมีการทดลองตามกำหนดหรือไม่
ซึ่งในช่วงนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าการติดตั้งนั้นได้กระทำอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดของผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถปฏิบัติตามได้ทุกประการ
6.
การใช้งานและการบำรุงรักษา
เป็นระยะของการเดินเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อทำการผลิตสินค้า
และในเวลาเดียวกันก็จะต้องทำการบำรุงรักษาตามกำหนดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเครื่องจักร
และอุปกรณ์นั้นๆหมดอายุการใช้งาน
ซึ่งอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์จะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ
อายุการใช้งานทางเทคนิค (technical life)
หมายถึงอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ตั้งแต่เริ่มการใช้งานจนกระทั่งสึกหรอหรือเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
และอายุการใช้งานที่ประหยัดที่สุด (economic life)
หมายถึงอายุการใช้งานที่เครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถทำงานได้โดยมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดถูกที่สุดโดยทั่วไปแล้วเมื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบอายุการใช้งานที่ประหยัดที่สุด
เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นมักยังคงสภาพที่สามารถทำงานได้
แต่ถ้าใช้ไปก็จะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย
7. การเลิกใช้งาน
เป็นระยะสุดท้ายของเครื่องจักรและอุปกรณ์เกิดขึ้นเมื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์หมดสภาพการใช้งาน
ซึ่งอาจเป็นการหมดสภาพการใช้งานทางเทคนิค คือมีการสึกหรอ เสื่อมสภาพ
หรือชำรุดเสียหายจนใช้งานไม่ได้ หรือหมดสภาพทางเศรษฐศาสคร์
คือการใช้งานมาจนอายุครบอายุการใช้งานที่ ประหยัดที่สุด
และถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ประเภทเดิมอีกก็จะต้องมีการจัดหามาทดแทน
โดยควรนำเอาปัญหาของการใช้งานและการบำรุงรักษาที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์เดิมมาร่วมพิจารณาในการจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ทดแทนด้วย
ในกรณีที่ผู้ประกอบการโรงงานไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์เอง
อาจพิจารณาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จัดหามาใช้ในโรงงานโดยกำหนดให้ระยะเริ่มต้นของวงจรชีวิตเป็นระยะการกำหนดรายละเอียดข้อกำหนดของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ในกระบวนการกำหนดรายละเอียดข้อกำหนดของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ในกระบวนการผลิต
ซึ่งก็ควรนำเอาการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์มาร่วมพิจารณาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นนี้เลย
และถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะระบุรายละเอียดของการบำรุงรักษาที่ต้องการไว้เป็นส่วนหนึ่งของรายละเอียดข้อกำหนด
(specification) ของเครื่องจักรและอุปกรณ์ตามรายละเอียดที่ได กำหนดไว้
ซึ่งการจัดหามักจะสามารถเลือกเครื่องจักรและอุปกรณ์ประเภทและชนิดเดียวกันได้จากผู้ผลิตหลายราย
ในการเลือกเครื่องจักรและอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายใดนั้น
นิยมจะใช้การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายวงจรชีวิตเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ
โดยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาจะเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่าย
วงจรชีวิตดังกล่าว
หลังจากตกลงที่จะเลือกเครื่องจักรและอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายใดแล้วก็จะเป็นระยะของการติดตั้งและทดลองเดินเครื่องซึ่งมักเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆในกรณีผู้ประกอบการโรงงานที่อยู่ในฐานะผู้ใช้ก็จะต้องควบคุมการติดตั้งและทดลองเดินเครื่องอย่างละเอียด
รวมทั้งต้องให้แน่ใจว่าการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นไปตามข้อกำหนดทุกประการ
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังในขณะที่การใช้งาน
เมื่อการติดตั้งและการทดลองเดินเครื่องเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ดังกล่าวตลอดอายุการใช้งาน
และเมื่อหมดอายุการใช้งานก็จะเป็นการเลิกการใช้งานในที่สุด
.......................................................................................