16/03/2554 20:55 น. |
ขอถามเกี่ยวกับไฟฟ้าหน่อยคับ 1. การเซต circuit breaker ในวงจร start motor จากที่ผมทราบมาไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือเปล่าคับ ที่ผมทราบคือให้เซต circuit breaker ไว้ที่ 150% ของ เหลดมอเตอร์ใช้ไหมคับ ( ถ้าไม่ถูกต้องช่วยแนะนำด้วยนะคับ มอเตอร์ 3 เฟส 380 v) 2. overload ที่ใช้ในวงจร start motor 3 เฟส 380 v อยากถามว่าการเซต overload จะเซตเท่ากับเหลดของมอเตอร์รึป่าวคับ ( ถ้าไม่ถูกต้อง ช่วยแนะนำด้วยนะคับ ) 3. การคำนวนหาขนาดของสายจ่ายแรงดัน ( จ่ายไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า 3 เฟส 380 v ) ถ้า load กินกระแสอยู่ที่ 37 A ( A = แอมป์ ) เราควรเลือก ใช้สายขนาดเท่าไรและมีวิธีคิดอย่างไรบ้างคับ ( จากที่ทราบไม่แน่ใจว่า 125% ของค่ากระแสโหลดรึป่าวคับ ใช้สาย 1 เส้นกับ load 1 ตัว ) 4. หลักการหมุนของมอเตอร์ 3 เฟส AC เป็นอยางไรคับช่วยอธิบายหน่อยคับ ( ถ้าละเอียดยิ่งดีเลยคับ ) 5. สูตรการคำนวนหาค่า A ( A = แอมป์ ) เมื่อรู้ค่า kw ใช้กับมอเตอร์ 3 เฟส 6. สูตรการคำนวนหาค่า kw เมื่อรู้ค่า A ( A = แอมป์ ) กับมอเตอร์ 3 เฟส 7. สูตรการคำนวนหาค่า p(กำลังไฟฟ้า หน่วยเป็น วัตต์) 8. คือสูตรการคำนวนหารอบมอเตอร์ไฟฟ้ามีสูตรอยู่ว่า rpm = 120f/p ใช่ไหมคับ สมมุติว่า มอเตอร์ 5.5 kw 2 pole ถ้าคิดตามสูตรเลยจะได้ 120*50/2 = 3000 rpm ใช้ไหมคับแต่จาก Name Plate มอเตอร์รอบของมันจะไม่ถึง3000รอบคือ อยากทราบว่ามันมีค่าสูญเสียด้วยใช่ไหม คับไม่ทราบว่ามันมีอะไรบ้างและคำนวนยังไงบ้างคับ 9. magnetic contactor AC 220 v กับ magnetic contactor DC 48 v คือของ 48v มันเป็นไฟกระแสตรงเมื่อจ่ายไฟให้มัน coil ก็จะดูดติดเลย แต่ถ้าเป็น 220 v เป็นไฟกระแสสลับเวลาจ่ายไฟให้ coil มันๆทำไมถึงไม่ดูดปล่อยๆอะคับเพราะมัน+ - อยู่ตลอกเวลา(สรุปว่า magnetic contactor 220 v coil มันเป็นแบบไหนคับหรือว่ามันมีกลไกอะไรบ้างอย่าง ยังไงก็ขอความรู้หน่อยนะคับ ขอบคุณขับ |
18/03/2554 04:20 น. |
ขอแก้ไขข้อ 2) นิดนึงครับ เนื่องจากที่โพสไปเป็นข้อมูลที่เคยได้มานานหลายปีแล้ว ข้อมุลใหม่นี้คัดมาก Naitional Electric Code (NEC) 2008 นะครับ ขอโพสเป็นภาษาปะกิดไว้ก่อนนะครับ (1) Separate Overload Device. A separate overload device that is responsive to motor current. This device shall be selected to trip or shall be rated at no more than the following percent of the motor nameplate full-load current rating: Motors with a marked service factor 1.15 or greater 125% Motors with a marked temperature rise 40°C orless 125% All other motors 115% |
18/03/2554 04:25 น. |
(C) Selection of Overload Device. Where the sensing element or setting or sizing of the overload device selected in accordance with 430.32(A)(1) and 430.32(B)(1) is not sufficient to start the motor or to carry the load, higher size sensing elements or incremental settings or sizing shall be permitted to be used, provided the trip current of the overload device does not exceed the following percentage of motor nameplate full-load current rating: Motors with marked service factor 1.15 or greater 140% Motors with a marked temperature rise 40°C or less 140% All other motors 130% |
18/03/2554 11:42 น. |
ภาพด้านบนเป็นภาพที่ผมนำมาจากกราฟแสดงการทำงานของโอเวอร์ดโหลด ยี่ห้อ Tele ซึ่งจะเห็นว่าถ้ามีกระแสไหลผ่านตัวมันเองต่ำกว่า 1.2 เท่าของกระแสที่เซต การทริปจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย ภาพต่อมาเป็นภาพแสดงการทำงานของโอเวอร์โหลดเช่นเดียวกัน(จำยี่ห้อไม่ได้ ) พร้อมกับคำแนะนำให้การเซต โอเวอร์โหลดที่บอกว่า ถ้ามอเตอร์มีค่า SF =1.0 ควรเซตค่ากระแสไว้ที่ 90 เปอร์เซนต์ของกระแสพิกัดมอเตอร์ ภาพดังกล่าวทั้งสองทำให้ผมเข้าใจด้วยตัวผมเอง และเขียนความคิดเห็น เป็นไปตามความคิดเห็นก่อนหน้านี้ครับ และข้อความที่ท่าน Elec Prew ผมเคยอ่าน ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ครับแต่ทำไม ไม่สอดคล้องกับกราฟ ด้านบนก็ไม่รู้เหมือนกัน ลองอยากให้ช่วยวิเคราะห์กันดูหน่อย และอีกส่วนหนึ่งที่ติดใจมากก็ืคือ Temp Rise ของมอเตอร์ ในปัจจุบัน จะอยู่ที่อย่างต่ำสุดก็คือ คลาส B ซึ่งมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจากการใช้งานไม่เกิน 80 องศา แต่ในมาตรฐานก็ยังคงเป็น 40 องศา พอจะมีใครทราบไหมครับ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ |
18/03/2554 11:49 น. |
รุูปภาพที่ตกหายไปจากคำตอบที่ 18 |
18/03/2554 11:49 น. |
รุูปภาพที่ตกหายไปจากคำตอบที่ 18 |
18/03/2554 11:55 น. |
เป็นรูปกราฟแสดงการทำงานของโอเวอรโหลด ของเทเล คลาส 10 |
18/03/2554 16:33 น. |
ขออนุญาตพยายามตีความจาก NEC 2008 นะครับ This device shall be selected to trip or shall be rated at no more than the following percent of the motor nameplate full-load current rating: ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ 1. ส่วนที่หนึ่งคือ set ให้เริ่ม trip ที่ 115% สำหรับมอเตอต์ทั่วไป ดังนั้นถ้าอ้างอิงจากข้อมูลของท่านช่างซ่อมมอเตอร์ ควรจะ set ที่ 1.15/1.2 = 0.95 เท่า หรือ 95% ของ กระแสพิกัด 2. ส่วนที่ 2 คือเลือกให้มีพิกัดที่ 115% เลย ซึ่งจะไปเริ่ม Trip ที่ 1.15*1.2 = 1.38 เท่า หรือ 138% ของกระแสพิกัด ถ้าจะให้ตีความโดยใช้ประสบการณ์ก็คือสามารถ Set Overload Relay ได้ตั้งแต่ 95%-115% ครับ แต่อย่างที่รู้กันครับว่า ยิ่ง Set ต่ำก็ยิ่งช่วย Safe มอเตอร์ แต่จากประสบการณ์แล้วผมเห็นส่วนใหญ่จะ Set อยู่ที่ 95-100% ครับ |
18/03/2554 19:07 น. |
ฉนวน Class F => อุณหภูมิสูงสุดที่ยอมรับได้ 155 degC / อุณหภูมิเพิ่มจากการใช้งานต้องไม่เกิน 105 degC ฉนวน Class B => อุณหภูมิสูงสุดที่ยอมรับได้ 130 degC / อุณหภูมิเพิ่มจากการใช้งานต้องไม่เกิน 80 degC ฉนวน Class F (B) หรือ F/B หรือ F Temp. Rise B => อุณหภูมิสูงสุดที่ยอมรับได้ 155 degC / อุณหภูมิเพิ่มจากการใช้งานต้องไม่เกิน 80 degC ในการออกแบบมอเตอร์ตามมาตรฐาน NEMA ผู้ผลิตต้องออกแบบการระบายความร้อนให้สามารถทำให้อุณหภูมิเพิ่ม (เพิ่มจาก Ambient Temp = Max 40 degC) ของฉนวนไม่เกินค่าที่ระบุไว้ใน Class นั้นๆ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า มอเตอร์ที่ระบุว่า ฉนวนClass F(B) จะถูกออกแบบการระบายความร้อนไว้ดีกว่ามอเตอร์ที่ระบุ ฉนวน Class F ทั่วๆไป เพราะได้ออกแบบให้อุณหภูิมิเพิ่มขณะใช้งานไม่เกิน 80 degC ในขณะที่ มอเตอร์ฉนวน Class F ทั่วๆไป จะออกแบบให้อุณหภูมิเพิ่มไม่เกิน 105 degC ถ้าอ้างอิงตามหลักการทั่วไปที่กล่าวว่าทุกๆ 10 degC ของอุณหภูมิฉนวนที่ลดจะทำให้อายุการใช้งานฉนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จะพบว่า ถ้า Run ที่ Full Load เหมือนกัน และ สภาพแวดล้อมเดียวกัน Class F(B) จะ มีอายุการใช้งานฉนวนยาวกว่า Class F ทั่วๆไป 6 เท่า สำหรับมอเตอร์ที่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนจากผู้ผลิตเลยว่า Temperature Rise 40 degC มอเตอร์จะต้องถูกออกแบบการระบายความร้อนให้ฉนวนไว้อย่างดี ซึ่ง อาจใช้การระบายความร้อนแบบ Air-to-Air Cooler หรือ Air-to-Water Cooler และ เมื่อใช้งานอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจะไม่เกิน 40 degC จาก Max Ambient ที่ 40 degC ซึ่งเนื่องจากอุณหภูมิเพิ่มจากการใช้งานที่ต่ำกว่ามอเตอร์ทั่วๆไปนี้ ทำให้ฉนวนมอเตอร์มีความสามารถในการรับโหลดเกินได้ คล้ายๆกับมอเตอร์ที่ SF=1.1.5 หรือมากกว่า ทำให้เราสามารถ Set Overload Relay ได้มากกว่ามอเตอร์ปกติครับ ข้อมูลบางส่วน หลายๆท่านรู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่นำมาเขียนไว้ เพื่อความสมบูรณ์ และ ต่อเนื่องของเนื้อหาครับ |
19/03/2554 09:07 น. |
องค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้มอเตอร์มี Temp Rise ที่ต่ำ ก็คือการออกแบบให้ มอเตอร์ มีค่าฟลั๊กต่อพื้นที่แกนเหล็กมีค่าต่ำ ส่งผลให้ คอร์ลอสที่แกนเหล็กมีค่าต่ำ และมอเตอร์เย็นกว่าในที่สุด ซึ่งเราจะเห็นเป็นรูปธรรมได้จากมอเตอร์ รุ่นเก่าๆ ที่มีขนาดใหญ่ หรือ ยาวกว่ามอเตอร์ในปัจจุบัน เนื่องจากการออกแบบให้แรงที่เกิดขึ้นต่อพื้นที่มีค่าน้อย เลยต้องใช้ รัศมี หรือความยาวแกนเหล็กที่เพิ่มขึ้นมาช่วยเพื่อทำให้เกิดค่าแรงบิดรวมมีค่าเท่าเดิม (ความเร็วรอบกำหนดด้วยจำนวนโปล ) ฉะนั้น Temp Rise ของมอเตอร์รุ่นเก่าจึงมีค่าต่ำ สอดคล้องกับระบบฉนวนที่ยังพัฒนาไม่เท่ากับระบบฉนวนในปัจจุบันนี้ จึงจะทำใหเรารู้สึกด้วยการสัมผัสเลยว่ามอเตอร์รู่นเก่าจะทำงานและเย็นกว่ามอเตอร์รุ่นใหม่ จากข้อมูลข้างต้น ทำให้มอเตอร์รุ่นเก่าสามารถนำกลับมาพันใหม่เพื่อเพิ่ม พิกัดกำลังได้ โดยต้องเปลี่ยนมาเป็นฉนวนคลาสปัจจุบัน และ ค่า Temp Rise ที่เพิ่มขึ้น |
19/03/2554 09:22 น. |
ลืมขอบคุณ ท่าน Elec Prew ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Temp Rise 40 C. ผมเองจากประสบการ์ณไม่เคยเจอต่ำขนาดนี้ เพราะเท่าที่เจอก็จะอยู่ที่ 55 C. ( นี่ขนาดเป็นคนที่ชอบอ่านเนมเพลทอยู่แล้ว ) เป็นไปได้ที่เจอค่าที่ไม่ได้ระบุค่าในเนทเพลท อาจจะตีเหมารวมเป็น คลาส B ไปเสียหมด ต่อไปคงต้องขอคู่มือมอเตอร์ หรือ แคตตาล๊อกมอเตอร์มาดูซะหน่อย โดยเฉพาะมอเตอร์ที่มีการระบายความร้อนดังกล่าวที่แจ้งมา ขอบคุณครับ |
19/03/2554 14:11 น. |
http://www.eng-tips.com/viewthread.cfm?qid=86034&page=238 ตัวอย่างของมอเตอร์ที่มี Temp Rise = 40 degC ครับ ตัวผมเองไม่เคยเจอต่ำขนาดนี้เหมือนกัน เป็นไปได้มั้ยครับว่า มอเตอร์พวกนี้อาจนำไปใช้งานกับบริเวณที่มี Ambient สูงกว่าปกติ ขอบคุณท่านช่างซ่อมมอเตอร์ด้วยครับ ที่แนะนำเรื่องการออกแบบแกนเหล็ก ตัวผมเองมองข้ามจุดนี้ไปครับ มองแต่เรื่องการระบายความร้อนเพียงอย่างเดียว ขอบคุณช่างวรเดชสำหรับประสบการณ์ตรงจากหน้างานด้วยครับ |
19/03/2554 21:55 น. |
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่นำความรู้มาแจกจ่ายครับขอบคุณมากๆครับ ถ้ามีข้อมูลแนะนำอีกยินดีรับฟังครับ |