สุพรรณบุรีก็มีน้ำมัน นะจ๊ะ
โดย : Admin

ที่มา: www.oknation.net/blog

 

ไปทำงานภาคสนามมา

เที่ยวบ่อน้ำมัน  กับ  โรงงานไฟฟ้าชีวมวล  ที่  จังหวัดสุพรรณบุรี   

           เริ่มที่แหล่งน้ำมันดิบสังฆจาย  หรือ ปตท. สผ.เรียกที่นี่ว่า  โครงการพีทีทีอีพี 1    [   PTT  EP1] 

มี 4 แหล่ง (ไซด์) ปิโตรเลียม (11 หลุม) ในพื้นที่โครงการ 10 ตารางกิโลเมตร ทั้งที่ตั้งอยู่ในเขต อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และเขต อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อีก 3 แหล่ง คือ อู่ทอง 17 และอู่ทอง 13 ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร และแหล่งสังฆจายซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 4 กิโลเมตร  
 
          แม้ว่าอาจจะได้น้ำมันดิบปริมาณไม่มาก แต่เมื่อมีการใช้เครื่องมือหรือโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วก็ทำให้โครงการนี้คุ้มค่าการผลิตได้ด้วยฝีมือคนไทย 100 % 
 
        
            เราเห็นเครื่องโยก ที่เราอาจจะคุ้นตาในภาพยนตร์ต่างประเทศ ชาวอเมริกันเรียกกันว่า "ดองกี้ปั๊ม " เครื่องโยกหัวม้าจะ  ช่วย   สร้างแรงดันใต้พื้นดินเพื่อใช้ดันน้ำมันดิบ    เพราะลักษณะทางธรณีวิทยาทำให้น้ำมันดิบที่นี่ไม่มีแรงดันสูงเหมือนกับในสหรัฐหรือตะวันออกกลาง ที่สามารถดันตัวเองขึ้นมาบนผิวดินได้
 
 
        
                  ปตท.สผ เจาะหลุมน้ำมันดิบที่ความลึกประมาณ 1,200-1,300 เมตร เมื่อขุดไปจะมีก๊าซธรรมชาติปะปนขึ้นมาด้วยจึงต้องมีการใส่อุปกรณ์กักก๊าซ (ก๊าซบลอต)    เพื่อมาใช้ในการต้มน้ำ  เพื่อเพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเมื่อขึ้นพ้นหลุมอุณหภูมิปกติอยู่ที่ 42-45 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากน้ำมันที่นี่จะมีแวคปนอยู่มาก ต้องมีการอุ่นไปที่อุณหภูมิ 67-75 องศาเซลเซียล เพื่อทำให้น้ำแยกตัวจากน้ำมันดียิ่งขึ้น   แต่ละวัน PTT ED1  ผลิตน้ำมันดิบได้ 350 บาร์เรลและน้ำ 850 บาร์เรลต่อวัน      การใช้ก๊าซมาอุ่นน้ำมันแบบนี้ทำให้ที่นี่ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงเดือนละ 80,000 บาท   ส่วนน้ำที่ได้จะน้ำมาฉีดลงหลุมน้ำมันเพื่อให้เม็ดน้ำมันดิบละลายออกมาหมุนเวียนแบบนี้ไปจนกว่าน้ำมันดิบจะหมดหลุม 
 
        
                  น้ำมันดิบจาก PTT  EP1    มีมาตรฐานต่ำ    เมื่อส่งไปกลั่นที่โรงกลั่นบางจาก   จะได้น้ำมันเตา 60% ที่เหลือ 20% ได้น้ำมันดีเซล อีก 20% เป็นก๊าซโซลิน (เบนซิน) และน้ำมันเจ็ทอีกนิดหน่อย
 
                  ทีนี้ไปโรงไฟฟ้าชีวมวลกันต่อ   จากอู่ทองขับไปด่านช้าง 80 ก.ม ชมไร่อ้อยเพลินๆประมาณ1 ชั่วโมงก็มาถึง  โรงงานน้ำตาลมิตรผล การสร้างมูลค่าเพิ่มจาก“อ้อย” จากธุรกิจอ้อยและน้ำตาล ไปสู่ “พลังงานทดแทน”
       ซึ่งล้วนเป็นผลพลอยได้ (By-Product) จากพืชมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “อ้อย” หีบน้ำอ้อยแล้ว จะสามารถนำมาผลิตเป็น “เอทานอล” โดยใช้กากน้ำตาล (โมลาส) เป็นวัตถุดิบ เมื่อนำเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซินในสัดส่วนที่เหมาะสม จะกลายเป็น “แก๊สโซฮอล์”  ชานอ้อยยังสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิส หรือที่เรียกกันติดปากว่า พลังงานทดแทน (Renewable Energy) โดยการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล     ยังไม่หมดชานอ้อยมาผลิตเป็น “ปาร์ติเคิล บอร์ด” ได้อีก   ไม่มีส่วนไหนเหลือทิ้งเปล่าเลย 
 
 

ในโรงงานน้ำตาล
 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
      อดคิดต่อไม่ได้ว่า  เมื่อเมืองไทยอันอุดมของเรายังมีพื้นที่ปลูกมากพอ   แค่หันมาวางแผน  สร้างความตระหนักรู้ให้จริงจัง   ทำไปที่เป้าหมายเดียวกัน  คือ  ลดการนำเข้าน้ำมันให้ได้  มีหรือที่เราจะต้องทนทุกข์กับการปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกวันแบบนี้      พูดแล้วก็อยากเดินมาทำงาน  ศุนันทวดี เติมน้ำมันแพงกว่าซื้อข้าวกินแล้วค่ะ

 

 

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://www.9engineer.com/)