เซ็นตั้งองค์การอิสระ"มาบตาพุด"แล้ว ยกชุดจากคกก.4ฝ่าย นายกฯพร้อมแจง"เจโทร"
โดย : Admin

ที่มา: มติชนออนไลน์  
15 มกราคม 53


 

 

 

 

 

"อภิสิทธิ์"เผยเซ็นตั้งองค์การอิสระดู"มาบตาพุด"แล้ว ชุดเดียวกับคกก.4ฝ่ายรวมเลขาฯกฤษฎีกาด้วย พร้อมอธิบาย"เจโทร" นายกสมาคมต้านโลกร้อนเล็งฟ้องศาลปค.สูงสุดเพิกถอนระเบียบสำนักนายกฯ อ้างขัดข้อตกลงกับปชช.

"มาร์ค"พร้อมอธิบาย"เจโทร"


เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่อาคารประชุมสุข อาชวอำรุง โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด ที่จะต้องดำเนินการตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งล่าสุดเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยออกมาแสดงความกังวลว่า นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่าจะนัดให้พบกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น (เจโทร) ตนยินดีที่จะอธิบาย เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องค่อนข้างเทคนิคมาก จึงจำเป็นจะต้องชี้แจงให้ญี่ปุ่นเข้าใจขั้นตอนในการทำงาน แต่ทุกอย่างขณะนี้ครบถ้วนในเรื่องของระเบียบ รวมทั้งการมีศูนย์บริการจุดเดียวซึ่งภาคเอกชนได้เข้าสู่กระบวนการนี้แล้ว จึงคิดว่าจะมีความชัดเจนในตัวของมันเองขึ้นโดยลำดับ ส่วนโครงการใหม่ๆ คิดว่าไม่น่ามีผลกระทบ เพราะเป็นกติกาที่ต้องวางไว้สำหรับอนาคต


เมื่อถามว่า เกิดช่องว่างอะไรในการสื่อสารจึงทำให้ทางญี่ปุ่นออกมาแสดงความกังวล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่เพิ่งยุติไปเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาคือการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะมีเรื่องของกฎหมายด้วย คนภายนอกอาจมีความสับสน แต่ทุกขั้นตอนที่ทำ เมื่อเสร็จแล้วกระทรวงอุตสาหกรรมก็จะเชิญนักธุรกิจภาคเอกชน โดยเฉพาะเจ้าของโครงการนักลงทุนที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่เข้าใจว่าต้องมีการทำเพิ่มเติม ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 13 หรือ 14 มกราคมที่ผ่านมา อีกทั้งตนก็เพิ่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและต้องผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง


เมื่อถามว่า จำเป็นต้องเชิญเอกอัครราชทูตทุกประเทศมาทำความเข้าใจหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ความจริงเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเคยมาหารือกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตรองนายกฯแล้ว อีกทั้งในช่วงที่มีความพยายามแก้ปัญหาในรายโครงการ โครงการลงทุนของญี่ปุ่นโครงการหนึ่งก็สามารถไปร้องต่อศาลปกครองและได้ยกเลิกคำสั่งชั่วคราวในกรณีนั้น แต่ถ้าอยากให้พูดในภาพกว้างทั้งหมดก็ยินดี และกระทรวงอุตสาหกรรมก็เรียกประชุมอยู่เป็นประจำ



ชี้เป็นสิทธิภาคปชช.ฟ้องศาล


เมื่อถามว่า ในส่วนของระเบียบสำนักนายกฯ องค์กรภาคประชาชนจะไปร้องต่อศาลว่ากรณีนี้อาจขัดกับรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ก็เป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมต้องใช้เวลาในเรื่องดังกล่าว ตอนแรกก็ถูกต่อว่าทำไมไม่ทุบโต๊ะประกาศทันที ก็เพราะต้องการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด แต่มีบางฝ่ายที่ยังไม่พอใจ กว่าจะออกระเบียบมาได้ คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่และน่าจะเป็นความเห็นพ้องต้องกันทั้ง 4 ฝ่ายเป็นหลักประกันระดับหนึ่งว่าน่าจะถูกต้องแล้ว


เมื่อถามว่า มั่นใจได้หรือไม่ว่าระเบียบจะใช้แทนกฎหมายได้จะไม่เกิดปัญหาการตีความตามหลังมาอีก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มั่นใจ เพราะจากการอ่านรัฐธรรมนูญไม่ได้พูดถึงการมีกฎหมาย เพราะฉะนั้นก็จะเดินหน้าต่อไป แต่ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะร้องเช่นกัน เมื่อถามว่า จะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจอย่างไรว่าจะไม่มีปัญหาต้องกลับมานับ 1 ใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร คงไปก้าวล่วงไม่ได้ 


อุตฯชงข้อมูล"มาร์ค"ตรวจพื้นที่


นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการลงตรวจพื้นที่มาบตาพุด ในวันที่ 16 มกราคม ว่า ได้เตรียมข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อรายงานต่อนายกฯ โดยโครงการที่ยื่นขอผ่อนผันต่อศาลแล้ว มีทั้งหมด 18 โครงการจาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีเหตุผลเพียงที่จะขอต่อศาล 10 โครงการ กลุ่มที่อยู่ระหว่างก่อสร้างยื่น 3 โครงการ และกลุ่มที่ยังไม่มีเหตุผลพอจะยื่นขอต่อศาล แต่ไปยื่นไปแล้ว 5 โครงการ นอกจากนี้จะมีการรายงานข้อมูลในส่วนของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับกับหลักเกณฑ์การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และสุขภาพ (เอชไอเอ) การรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการมีคณะกรรมการประสานงานองค์การอิสระ (เฉพาะกาล) โดยจะรายงานความคืบหน้าที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณของทางราชการ


"
หลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องจัดเตรียมงบประมาณส่วนนี้ให้พร้อม โดยกระทรวงอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะต้องใช้จำนวนเท่าไหร่และใช้งบประมาณผ่านช่องทางใด จะขอจากสำนักงบประมาณหรือเจียดงบประมาณที่มีอยู่ไปก่อน" นายสรยุทธกล่าว


นายสรยุทธกล่าวว่า นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่จะหารือกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ด้วยว่ามีกรณีเลิกจ้างงานเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งเป้าหมายการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้คือการเยียวยาชุมชนในพื้นที่ การติดตามการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพของประชาชน ติดตามความคืบหน้าคณะทำงานรูปแบบรถโมบายเคลื่อนที่ รับฟังปัญหาด้านสาธารณูปโภค จากงบประมาณเพื่อเยียวยาพื้นที่ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบจำนวน 877 ล้านบาท ว่าเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่


ภาคปชช.ฟ้องศาลเพิกถอนระเบียบฯ


ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า ในวันพุธ 20 มกราคมนี้ ตนจะเดินทางไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้เพิกถอนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ตั้งคณะกรรมการประสานงานองค์การอิสระ (เฉพาะกาล) เนื่องจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ในการแก้ปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ที่มีนาย อานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ไม่ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่ได้ตกลงไว้ร่วมกันกับภาคประชาชน โดยนายอานันท์ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นฝ่ายร่างระเบียบดังกล่าว และยังให้มีตัวแทนจากกฤษฎีกาเข้ามานั่งในคณะกรรมการประสานงานองค์กรอิสระ ทั้งที่กฤษฎีกาเคยตีความและให้ความเห็นผิดพลาดมาโดยตลอด จนทำให้เกิดปัญหามาบตาพุดมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้น นายอานันท์ยังรวบรัดนำร่างระเบียบดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เหมือนเป็นการทำตามใจตัวเอง โดยไม่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย ส่วนประเด็นที่ให้จัดสรรงบฯองค์การอิสระผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นั้น อาจจะมีการอ้างว่างบประมาณไม่เพียงพอทำให้องค์การอิสระทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อการให้ความเห็นต่อโครงการที่อาจผิดพลาดได้


ชี้เทคนิคกก.4ฝ่ายหวังสืบทอดอำนาจ


นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการ 4 ฝ่าย เคยบอกไว้ว่าจะเข้ามาทำงานหน้าที่เพียง 6 เดือน แต่กลับออกระเบียบดังกล่าว เพื่อต่ออายุออกไปอีก 2 ปี ถ้ายังไม่เกิดองค์การอิสระ (ถาวร) ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะกรรมการประสานงานก็จะต่ออายุออกไปอีกอย่างไม่สิ้นสุด เรื่องนี้ถือเป็นการใช้เทคนิคในการเขียนกฎหมายคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่ตนรู้ทัน จึงมีทางเดียวที่จะสามารถยุติกระบวนการต่างๆ คือการฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ศาล 


นายกฯตั้งกก.4ฝ่ายสวมองค์การอิสระ 


นายบัณฑูร เศรษฐสิโรตม์ โฆษกคณะกรรมการ 4 ฝ่าย กล่าวว่า เข้าในว่านายศรีสุวรรณคงไม่ได้รับข้อมูลทั้งหมด เนื่องจากไม่ได้เข้าประชุม 2-3 ครั้งสุดท้ายที่หารือเรื่องการจัดตั้งองค์การอิสระ จึงไม่รู้ที่มาที่ไป ส่วนความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานองค์การอิสระ (เฉพาะกาล) ว่า ขณะที่ทราบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้งเรียบร้อย โดยคณะกรรมการจะเป็นชุดเดียวกับคณะกรรมการ 4 ฝ่าย และจะเพิ่มเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้ามาด้วย


กรณีนายศรีสุวรรณระบุว่า คณะกรรมการ 4 ฝ่ายต้องการสืบทอดอำนาจ นายบัณฑูรย์กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง กรรมการ 4 ฝ่ายทุกคนไม่มีใครอยากเป็น แต่เนื่องจากนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานกรรมการ 4 ฝ่าย ขอร้องว่ามีความจำเป็น เพราะต้องเข้าไปทำหน้าที่จัดตั้งและประสานงานกับกรรมการองค์การอิสระ (เฉพาะกาล)


นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ กรรมการ 4 ฝ่าย กล่าวว่า การฟ้องร้องถือเป็นสิทธิของนายศรีสุวรรณ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานายศรีสุวรรณเป็นผู้ทำให้เกิดคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้น ถ้ามีอะไรก็น่าจะพูดคุยและทำความเข้าใจกันได้ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าคณะกรรมการ 4 ฝ่ายไม่ได้ต่ออายุให้ตัวเองด้วยการเปลี่ยนไปทำหน้าที่คณะกรรมการประสานงานฯ แต่เป็นการทำงานที่ต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ และเราก็ไม่ได้มีสิทธิที่จะเข้ารับคัดเลือกเป็นกรรมการองค์การอิสระฯ หรือมีอำนาจที่จะไปกำหนดตัวบุคคลว่าใครจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการองค์กรอิสระฯทั้ง 13 คน เพราะตามขั้นตอนต้องเปิดให้มีการคัดเลือกกันเองว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่ ทั้งนี้คาดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำรายชื่อคณะกรรมการประสานงานฯ เข้ารายงานต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 19 มกราคมนี้


นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ในฐานะกรรมการ 4 ฝ่าย กล่าวว่า ยืนยันได้ว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่มาบตาพุด ได้พยายามทำทุกวิถีทางตามกระบวนการของมาตรา 67 วรรค 2 แล้ว


"
การที่กรรมการ 4 ฝ่ายเสนอองค์การอิสระ 2 รูปแบบ เพราะหากรอรูปแบบของพระราชบัญญัติจะใช้เวลานาน จึงต้องออกเป็นระเบียบก่อนถือเป็นกฎหมายรองที่ดีที่สุดขณะนี้" นายสุทธิกล่าว




ร้องตร.ชาวบ้านโดนหลอกถอนชื่อ


วันเดียวกัน ที่ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง นายสุทธิ อัชฌาศัย นำ น.ส.เล็ก อำมะรี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ถนนสาย 3191 ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา นางอารมณ์ สดมณี อายุ 45 ปี เลขที่ 26/4 ถนนมาบใน ซอยทุ่งสำนัก-มาบข่าใน ต.มาบตาพุด และนางวิลัย เคล้าคล่อง อายุ 46 ปี เลขที่ 15/3 ถนนราษฎร์นิยม ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.จักรกริช ทรงศิริ ผกก.สภ.มาบตาพุด เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายชะลอ ผ่องสุวรรณ รวมทั้งหญิงไทยไม่ทราบชื่อ 2 คน และชายไทยไม่ทราบชื่อ 2 คน ข้อหาหลอกลวงประชาชนให้เซ็นชื่อถอนฟ้องคดีศาลปกครอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาตัวหญิง 2 คน และชาย 2 คนดังกล่าว มาดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงประชาชน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครอง ผู้เข้าร้องทุกข์ เนื่องจากเกรงจะได้รับอันตรายแก่ชีวิต



พ.ต.อ.จักรกริชกล่าวว่า ได้รับมอบเอกสารแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ยังไม่ตั้งข้อหา เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและประมวลข้อเท็จจริงก่อน และให้ ร.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ ร้อยเวร สภ.มาบตาพุด สอบปากคำผู้แจ้งความ โดยมีนายสุทธิ นายเจริญ และนายน้อย ใจตั้ง ในฐานะพยาน

 

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://www.9engineer.com/)