10 เมืองที่เป็นมิตรกับการขับขี่จักรยานมากที่สุดในโลก
โดย : Admin

ที่มา:   มติชนออนไลน์
15 มกราคม  2553

 

นคร "จักรยานนิยม": 10 เมืองที่เป็นมิตรกับการขับขี่จักรยานมากที่สุดในโลก

 เมื่อน้ำมันมีราคาแพงขึ้น พร้อม ๆ กับการตื่นตัวกับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสัญจรด้วยรถจักรยานจึงหวนกลับมาได้รับความนิยมจากผู้คนที่อาศัยอยู่ในหลายนครทั่วโลก ในฐานะส่วนประกอบสำคัญของแผนการขนส่งมวลชนสำหรับเมืองใหญ่


สำนักข่าวรอยเตอร์ได้อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ askmen.com ซึ่งทำการจัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นมิตรกับการขับขี่จักรยานมากที่สุดในโลก อันประกอบไปด้วย

 

1. เมืองอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์

เมืองแห่งนี้ถูกจัดอยู่ในอันดับสูงสุดเพราะผู้คนเกือบ 40% ในอัมสเตอร์ดัม ล้วนแล้วแต่เดินทางโดยใช้รถจักรยานทั้งสิ้นนอกจากนี้ยังมีจักรยานสาธารณะให้เช่ากันอย่างแพร่หลายและทางเมืองได้มีแผนการจัดสร้างที่จอดรถจักรยานขนาดใหญ่ ณสถานีรถไฟหลักประจำอัมสเตอร์ดัม ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว
2. เมืองโคเปนเฮเกนประเทศเดนมาร์ก

ร้อยละ 32 ของประชากรในโคเปนเฮเกนขี่จักรยานไปทำงานกันเป็นกิจวัตรประจำวันนอกจากนี้ยังมีวัฒนธรรมการสนับสนุนให้ใช้รถจักรยานประจำเมืองด้วยการอนุญาตให้มีการเช่ารถจักรยานสาธารณะได้ฟรีโดยผู้เช่าต้องเสียเพียงค่ามัดจำเท่านั้น
3. เมืองโบโกต้าประเทศโคลัมเบีย

แม้รัฐบาลของโคลัมเบียอาจไม่สนับสนุนให้ประชากรของตนหันมาใช้รถจักรยานอย่างเข้มข้นเท่ากับหลายๆ ประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือแต่เพราะผู้คนในเมืองโบโกต้าที่ครอบครองรถยนต์มีเพียง 13 % เท่านั้น ด้วยเหตุนี้การสัญจรไปมาด้วยรถจักรยานจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นของคนในเมือง อย่างไรก็ตามทางการยังสนับสนุนการไม่ใช้รถยนต์ ด้วยการปิดถนนระยะทาง 70 ไมล์ เป็นเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเปิดทางสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานนักวิ่งจ็อกกิ้ง/ผู้เดินเท้า รวมถึงนักเล่นสเก็ต
  4. เมืองคูริติบาประเทศบราซิล

เมืองแห่งนี้มีแผนสนับสนุนการเดินทางด้วยจักรยานมาเป็นเวลามากกว่า 40 ปีผลลัพธ์ก็คือ การมีเลนจักรยานอยู่ทั่วทุกหนแห่งในคูริติบารวมทั้งยังเกิดชุมชนของกลุ่มคนที่พยายามสนับสนุนให้การขี่จักรยานเป็นอีกหนึ่งทางเลือกซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงสภาพรถติด
  5. เมืองมอนทรีออลประเทศแคนาดา
 
เมื่อ 2 ปีก่อน เมืองแห่งนี้ได้ทุ่มงบประมาณจำนวน 134 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4,422 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงทางเดินรถจักรยานทั้งยังสร้างที่ล็อกรถจักรยานอยู่ในที่จอดรถของเมือง นอกจากนั้นเมืองมอนทรีออลยังประกาศว่าขณะนี้ตนเองได้สร้างเลนจักรยานเป็นระยะทาง 2,400 ไมล์และมีแผนจะขยายความยาวเพิ่มขึ้นอีก ที่สำคัญนครใหญ่อันดับ 2 ของแคนาดาถือเป็นเมืองแรกของภูมิภาคอเมริกาเหนือที่ผนวกแผนงานเกี่ยวกับรถจักรยานเข้าไปในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของเมือง
 
 
6. เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอนประเทศสหรัฐอเมริกา

เมืองแห่งนี้มีทางสัญจรสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะซึ่งพาดผ่านอยู่ตรงหน้าบ้านของผู้คนและยังมีจักรยานราคาถูกพร้อมอุปกรณ์จำเป็นอย่างครบครันจำหน่ายให้แก่ประชากรที่ฐานะไม่ดีอีกด้วยทั้งนี้ ทางเดินรถจักรยานในพอร์ตแลนด์มีความยาว 260 ไมล์ และผู้คนเกือบ 9 % ของเมืองได้หันมาสัญจรโดยใช้รถจักรยาน

  7. เมืองบาเซิลประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ที่บาเซิลมีถนนที่เอื้อต่อผู้ขับขี่จักรยานนอกจากนี้เมืองยังสนับสนุนเครือข่ายกิจการให้เช่ารถจักรยานแก่ประชากรทั่วไปและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
  8. เมืองบาร์เซโลนาประเทศสเปน

บาร์เซโลนาได้สร้างทางรถจักรยานที่เรียกว่า "อะ กรีน ริง" (วงแหวนสีเขียว)อยู่รอบใจกลางเมืองโดยในวงแหวนดังกล่าวจะมีสถานีรถจักรยานประจำการอยู่ถึง 100 แห่งซึ่งผู้คนสามารถเช่าและคืนรถจักรยานสาธารณะได้ในสถานีที่แตกต่างกัน
  9. เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

แม้รถยนต์ในปักกิ่งอาจมีจำนวนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแต่การขับขี่รถจักรยานก็ยังถือเป็นวิธีการเดินทางที่ดีที่สุดในนครหลวงของจีนซึ่งมีปัญหารถยนต์เคลื่อนตัวได้ช้าและติดขัดนอกจากนโยบายรัฐที่สนับสนุนให้ผู้คนใช้จักรยานแล้วอากาศที่ดีก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งส่งผลให้คนจีนในปักกิ่งยังนิยมขี่จักรยานกันอยู่
10. เมืองทรอนด์เฮมประเทศนอร์เวย์

อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งสำหรับการมีพาหนะเป็นรถจักรยานในเมืองที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขาก็คือ การต้องใช้พลังงานอย่างหนักหน่วงในการปั่นจักรยานขึ้นเนินแต่เมืองทรอนด์เฮมกลับสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างชาญฉลาดด้วยการประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า "ลิฟท์จักรยาน" (ซึ่งมีวิธีการเคลื่อนไหวคล้าย ๆ กับการลากสกี) ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถนำรถจักรยานของตนเองขึ้นเนินเขาได้โดยไม่ต้องเสียแรงปั่น

 

 ขอขอบคุณที่มาของทุกๆแหล่งข่าว
 
เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://www.9engineer.com/)