Top 50 Popular Supplier
1 100,000D_อินเวอร์เตอร์ 175,978
2 100,000D_มิเตอร์วัดไฟฟ้า 173,576
3 100,000D_เครื่องมือช่าง 172,986
4 100,000D_อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์ 172,767
5 100,000D_เอซีมอเตอร์ 170,461
6 100,000D_ดีซีมอเตอร์ 169,548
7 100,000D_อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง 168,506
8 100,000D_เครื่องดื่มและสมุนไพร 167,816
9 เคอีบี (KEB ) ประเทศไทย 160,342
10 100,000D_เครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน 158,445
11 100,000D_ของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง 158,357
12 100,000D_ขายของเล่นเด็ก 157,507
13 E&L INTERNATIONAL CO., LTD. 67,582
14 T.N. METAL WORKS Co., Ltd. 62,127
15 ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด 50,513
16 บ.ไทนามิคส์ จำกัด 43,554
17 Industrial Provision co., ltd 39,221
18 ลาดกระบัง ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด 38,372
19 Infinity Engineering System Co.,Ltd 36,296
20 สยาม เอลมาเทค (siam elmatech) 34,617
21 ไทยเทคนิค อีเล็คตริค จำกัด 33,436
22 ฟอร์จูน เมคคานิค แอนด์ ซัพพลาย 31,851
23 เอเชียเทค พาวเวอร์คอนโทรล จำกัด 31,218
24 บริษัท เวิลด์ ไฮดรอลิคส์ จำกัด 30,955
25 โปรไดร์ฟ ซิสเต็ม จำกัด 27,580
26 ซี.เค.แอล.โพลีเทค เอ็นจิเนียริ่ง 26,515
27 P.D.S. Automation co.,ltd 22,945
28 AVERA CO., LTD. 22,585
29 เลิศบุศย์ 21,681
30 ห้างหุ้นส่วนสามัญ เอ-รีไซเคิล กรุ๊ป 20,379
31 เทคนิคอล พรีซิชั่น แมชชีนนิ่ง 20,244
32 แมชชีนเทค 19,891
33 Electronics Source Co.,Ltd. 19,868
34 อีดีเอ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด 19,183
35 มากิโน (ประเทศไทย) 19,135
36 ทรอนิคส์เซิร์ฟ จำกัด 18,797
37 Pro-face South-East Asia Pacific Co., Ltd. 18,601
38 SAMWHA THAILAND 18,291
39 วอยก้า จำกัด 17,895
40 CHEMTEC AUTOMATION CO.,LTD. 17,474
41 IWASHITA INSTRUMENTS (THAILAND) LTD. 17,324
42 ดีไซน์ โธร แมนูแฟคเจอริ่ง 17,299
43 I-Mechanics Co.,Ltd. 17,236
44 เอส.เอส.บี สยาม จำกัด 17,205
45 Intelligent Mechantronics System (Thailand) 17,130
46 ศรีทองเนมเพลท จำกัด 17,065
47 Systems integrator 16,709
48 เอ็นเทค แอสโซซิเอท จำกัด 16,627
49 ดาต้า เอ็นทรี่ กรุ๊ป จำกัด 16,453
50 Advanced Technology Equipment 16,442
24/11/2553 13:05 น. , อ่าน 14,999 ครั้ง
Bookmark and Share
ระบบโทรทัศน์วงจรปิด CCTV
โดย : Admin


ระบบโทรทัศน์วงจรปิด CCTV คืออะไร

 

            กล้องวงจรปิด (CCTV) ย่อมาจาก Closed-circuit television ซึ่งจะทำหน้าที่รับภาพที่ปรากฏอยู่ และทำการแปลงเป็นสัญญาณ และทำการส่งสัญญาณดังกล่าวไปในจุดที่ต้องการในลักษณะ point to point


โทรทัศน์วงจรปิด ส่วนมากที่ใช้งานในปัจจุบันนี้มี 2 ลักษณะ คือ :

 

1. ติดตั้งตายตัว หรือ กล้องติดอยู่กับที่ (Fixed Camera)

 
    หมายถึงตัวกล้องจะติดตั้งอยู่บนขากล้องหรืออื่นๆ ซึ่งไม่สามารถจะขยับ หรือหมุนเปลี่ยนทิศทางในการดูได้
ถ้าต้องการหมุนหรือเปลี่ยนทิศทาง ก็จะต้องถอดตัวกล้องแยกออกจากขากล้อง จึงจะเปลี่ยนตำแหน่งได้
 2. สามารถหมุนปรับทิศทางได้ (Moving Camera)

 
     เพื่อ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ระบบโทรทัศน์วงจรปิด จึงได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ประกอบเข้าไป คือ ฐานกล้องหมุนปรับทิศได้ สามารถที่จะปรับให้หมุนซ้าย / ขวา ก้ม-เงย ได้ ( Pan and Tilt unit ) และอาจจะมีอุปกรณ์อื่นเพิ่มอีก เช่น เลนส์ปรับขนาดภาพได้ (Zoom Lens) และ เครื่องหุ้มกล้อง (Camera Housing) เป็นต้น
 


      

ฐานกล้องหมุนปรับทิศได้ (Pan & Tilt unit ) 
       เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กล้อง สามารถที่จะเปลี่ยนได้หลายทิศทาง ทั้งมุมต่ำ และมุมสูง เช่น กล้องที่ติดตั้งอยู่กับ Pan & Tilt unit ติดตั้งบนเสามีความสูงประมาณ ๑๐ เมตร สามารถที่จะปรับมุมก้มเพื่อจะดูวัตถุ หรือคนที่อยู่บนพื้นดิน ซึ่งมีระดับต่ำกว่าตำแหน่งที่ติดตั้งกล้อง หรือมุมเงยเพื่อมองไปยังอาคารที่สูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นทิศทางตรงด้านหน้า หรือจะหมุนไป ยังทิศทางอื่นๆ ก็สามารถทำได้
โดยปกติ กล้องที่มี Pan & Tilt unit จะใช้เลนส์ที่สามารถปรับขนาดภาพได้ ควบคู่ไปด้วยกัน แต่ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับงานที่ใช้ มากกว่า ในบางลักษณะอาจจะต้องการเพียงให้สามารถปรับทิศในการดูก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องการจะดูในรายละเอียด ในบางลักษณะก็มีความจำเป็นต้องการใช้เลนส์ที่สามารถปรับขนาดของภาพได้ เพื่อจะดูรายละเอียดของภาพที่ต้องการจะดูเพราะว่าระยะของวัตถุหรือจุดที่ ต้องการจะดูในแต่ละทิศทางจะมีความแตกต่างกันไป.


เลนส์ปรับขนาดภาพได้ ( Zoom Lens ) 
       เป็นเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนขนาดภาพได้ ( เปลี่ยน ความยาวโฟกัส) เลนส์ฯ ที่นำมาใช้กับ กล้องที่มี Pan & Tilt unit ส่วนมากจะเป็นชนิด ที่ควบคุมการทำงานด้วยมอเตอร์ เราจึงเรียกว่า Motorized Zoom Lens
การ เลือกใช้ Motorized Zoom Lens ควรจะเลือกให้เหมาะกับงานที่จะใช้ เพราะว่า Motorized Zoom Lens มีหลายแบบ หลายขนาดตามความยาวโฟกัส เช่น การใช้ภายในอาคาร มี พื้นที่ไม่ใหญ่ ก็ใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสไม่มากนัก เช่น ๖ - ๓๕ ม.ม. ( ๖ เท่า) ถ้าเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่ หรือภายนอกอาคารพื้นที่กว้าง หรือต้องการจะดูให้เห็นรายละเอียดมากๆ ก็ควรใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสมากขึ้น เช่น ๖ - ๖๐ ม.ม. ( ๑๐ เท่า) ถ้าติดตั้งนอกอาคาร หรือต้องการที่จะมองให้เห็นได้ไกล ก็ควรใช้ Motorized Zoom Lens ที่มีความยาวโฟกัสมากขึ้นไป เช่น ๖ - ๑๒๓ ม.ม. (๒๑ เท่า) เป็นต้น



อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบโทรทัศน์วงจรปิด 
    1. กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV Camera) 
    2. เลนส์ (CCTV Lenses)
    3. เครื่องบันทึกภาพ (Video Recorder) 
    4. จอภาพ (Video Monitor)
    5. เครื่องเลือก / สลับภาพ (Video Switcher) และ เครื่องผสม / รวมภาพ (Multiple Screen Displays) 
    6. ระบบการควบคุม (Control System) 
    7. อุปกรณ์เสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบโทรทัศน์วงจรปิด (Related Accessories for more efficiency CCTV System) 
       7.1. กล่องหุ้มกล้อง (Camera Housing) 
       7.2. ฐานกล้องปรับทิศทางได้ (Pan & Tilt units) 
       7.3. อุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


ควรดูอะไรบ้างก่อนใช้ กล้องวงจรปิด

1) การเลือกชนิดของกล้องวงจรปิด : ชนิดของกล้อง กล้องวงจรปิดมีหลายชนิดหลายแบบ โดยแบบได้คร่าว ๆ ดังนี้

       - กล้องแบบ CS MOUNT เป็นกล้องที่ต้องใช้เลนส์ต่อกับกล้องทำให้เกิดภาพ ข้อดี คือภาพจะชัด เพราะเลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์มาตรฐานขนาดใหญ่
       - กล้องแบบโดม เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความสวยงามหรือไม่ต้องการให้สังเกตเห็นว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิด

       • ความละเอียดของภาพ (Resolution) กล้องที่ให้ภาพจะชัดเจนหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดของแผ่นรับภาพ CCD ซึ่งแบบได้ 2 แบบ คือ
       - Normal  Resolution เป็นแบบที่มีความละเอียดของภาพปกติ ประมาณ 330 - 380 TV LINE
       - High Resolution  เป็นแบบที่มีความละเอียดของภาพสูงประมาณ 400 - 550 TV LINE หมายเหตุ กล้องที่มีความละเอียดของภาพสูงจะมีราคาสูงตามไปด้วย

       • ความสามารถในการรับแสง (Illumination) กล้องที่มีความสามารถในการรับแสงต่ำ(LUX) จะสามารถใช้ในสถานที่ที่มีความสว่างน้อย (ในที่มืด) ได้ และราคาจะสูงตามไปด้วย


2) เลนซ์ (LENS) ;   การเลือกเลนซ์ มีความสำคัญในการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด

หลักการทำงานของเลนซ์
       เลนซ์จะตัวรวมแสงให้ภาพตกกระทบที่แผ่นรับภาพ CCD โดยมี IRIS , (ช่อง ให้แสงผ่าน) เป็นตัวกำหนดให้ภาพที่เกิดมีความเข้มของแสงตามต้องการ ถ้าในที่มีแสงมาก IRIS จะต้องเปิดน้อย ถ้าในที่มืดจะต้องเปิด IRIS ให้กว้างที่สุด

ชนิดของเลนซ์
       FIX IRIS IRIS ของเลนซ์จะไม่สามารถปรับได้ ทำให้จะต้องใช้ในสถานที่ภายในอาคาร ที่มีแสงสว่างคงที่ตลอดเวลา 

       MANUAL IRIS IRIS ของเลนส์จะสามารถปรับได้ด้วยช่างเทคนิคที่ติดตั้งกล้อง เหมาะสำหรับงานในอาคารที่มีความสว่างในแต่ละห้องไม่เท่ากัน สามารถปรับแสงให้เหมาะสมในแต่ละห้องได้

       AUTO IRIS เป็นเลนส์ที่ IRIS จะปรับขนาดการรับแสงเอง โดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบเลนส์ เหมาะสำหรับติดตั้งนอกอาคารที่ความสว่าง เปลี่ยนตามแสงอาทิตย์


3) อุปกรณ์ควบคุมและบันทึกภาพ

แบบใช้เทป (ANALOG)
เครื่องแบ่งภาพ MULTIPLEXER เครื่องบันทึกภาพ

ประกอบด้วย
       - MULTIPLEXER (เครื่องแบ่งภาพ) ใช้ต่อกับกล้องได้ 4 ตัว, 8 ตัว และ 16 ตัว
       - TIMELAPSE RECORDER (เครื่องบันทึกภาพ) ใช้บันทึกภาพด้วยเทป มีแบบ 24 ชั่วโมง 96 ชั่วโมง, 196 ชั่วโมง, 960 ชั่วโมง
       - จอภาพ (MONITOR, TV) ใช้แสดงภาพ
       - แบบใช้ HARDDISK (DVR)
       - บันทึกภาพลง HARDDISK แบ่งได้ 3 ประเภท
       - แบบ CARD เป็น CARD ที่สามารถต่อกล้องได้ 4, 8, 16 ตัว โดยจะต้องใช้ COMPUTER
       - แบบ STANDALONE เป็นแบบ ที่ประกอบ COMPUTER มาจากโรงงานโดยตรงเป็นแบบ PC BASE 
       - แบบ STAND ALONE NON PC เป็นแบบ อุปกรณ์ประกอบจากโรงงานทั้งชุดและไม่ใช้โปรแกรม WINDOW (NON PC)

ข้อดีของการเลือกใช้กล้อง Network camera เมื่อเปรียบเทียบกับกล้อง Analog
       1. การ Access หรือการเข้าถึงตัวกล้อง ซึ่งโดยปกติแล้วกล้อง Network camera นั้นสามารถที่จำทำการเข้าถึงตัวกล้องได้จากทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนบนโลก เนื่องจากว่าตัวกล้องนั้นสามารถทำงานได้บนพื้นฐานระบบเครือข่าย(Network) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกล้องเข้ากับระบบ LAN, Wan แล้วก็ Internet ได้ โดยสามารถเรียกดูภาพจากกล้องได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เปิดโปรแกรม IE (Internet Explorer) ซึ่งมีอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากกล้องระบบ Analog โดยสิ้นเชิง เพราะว่าตัวกล้อง Analog นั้นไม่สามารถเข้าถึงตัวกล้องได้โดยตรงไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม

       2. Easy to use การใช้งานค่อนข้างง่าย เนื่องจากสามารถเรียกดูภาพได้จากโปรแกรม IE (Internet Explorer)ได้อย่างง่ายแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเข้าไปกำหนดค่าการทำงานต่างๆของตัวกล้องได้อีกด้วย 

       3. Quality หรือคุณภาพของภาพที่ได้ ในระบบกล้อง Network camera นั้นผู้ใช้สามารถเข้าไปกำหนดค่าการใช้งานต่างๆผ่านโปรแกรม IE (Internet Explorer) ได้ที่กล้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนด Resolution ของภาพ การตั้งค่าการ Compression ของภาพ ซึ่งสามารถที่จะกำหนดคุณภาพของภาพได้ตามความต้องการ อีกทั้งรูปแบบของไฟล์ยังเป็นดิจิตอล ทำให้ไม่เกิดปัญหาในเรื่องของระยะทางในการส่งสัญญาณภาพหรือการดึงภาพมา บันทึก ซึ่งต่างจากระบบ Analog ซึ่งบางครั้งการติดตั้งในระยะที่ไกลเกินไป หรือสภาวะแวดล้อมที่มีสัญญาณกวนต่างๆ จะทำให้การส่งสัญญาณภาพเกิดปัญหาขึ้นได้

       4. System Requirement ความต้องการของระบบ กล้อง Network camera นั้นสามารถทำงานได้บนระบบเครือข่ายที่ผู้ใช้มีอยู่ได้เลย เพียงแค่ปลั๊กอุปกรณ์กล้องเข้ากับระบบเครือข่ายก็สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งแบบเดินสาย หรือ ไร้สาย (Wireless) และในการบันทึกภาพนั้นก็เพียงแค่ใช้โปรแกรมบันทึกภาพลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั่วๆไปก็สามารถที่จะดึงภาพจากกล้องมาบันทึกได้ทันที ไม่เหมือนกับระบบ Analog ซึ่งจำเป็นจะต้องวางระบบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การเดินสาย รวมถึงจะต้องซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่า DVR (Digital video recorder) เพื่อใช้ในการบันทึกภาพ 

       5. Installation การติดตั้ง ระบบ Network นั้นสามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย หรือสามารถใช้งานร่วมกับระบบเครือข่ายเดิมที่มีอยู่ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นแบบเดินสาย หรือแบบไร้สาย ซึ่งจะยิ่งทำให้การติดตั้งนั้นง่ายดายมากยิ่งขึ้น ผิดกับ Analog ซึ่งจะต้องเดินสายใหม่ทั้งหมด

       6. Cabling สายสัญญาณ ระบบ Network นั้นจะใช้สายสัญญาณประเภท UTP ซึ่งปัจจุบันมีราคาค่อนข้างถูก อีกตั้งตัวสายยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถที่จะเดินสายติดตั้งได้โดยง่าย อีกทั้งปัจจุบันยังมีเทคโนโลยี Wireless LAN ซึ่งช่วยให้ลดการติดตั้งแบบเดินสายได้อีกด้วย แต่ระบบ Analog นั้นใช้สายสัญญาณประเภท Coax ซึ่งลักษณะของสายมีขนาดใหญ่และค่อนข้างแข็ง ทำให้ในการติดตั้งนั้น ค่อนข้างกระทำได้ยาก เนื่องจากจะต้องเดินสายจากกล้องทุกตัวมาเข้ากับเครื่องบันทึกภาพ (DVR) 

       7. Scalability การขยายระบบ ระบบกล้อง Network camera นั้นสามารถเพิ่มกล้องเข้าสู่ระบบได้โดยง่าย เพียงแค่ปลั๊กกล้องเข้ากับระบบเครือข่ายก็สามารถใช้งานได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม ลด หรือย้ายจุดติดตั้งได้อย่างง่ายได้ โดยหากใช้เป็นระบบ Wireless จะยิ่งเพิ่มความสะดวกมากขึ้น ผิดกับระบบ analog ซึ่งแต่ละกล้องจำเป็นจะต้องเดินสายใหม่ทั้งหมด ทำให้ในการเพิ่มจำนวนกล้อง หรือย้ายจุดติดตั้งนั้นทำได้โดยลำบาก ซึ่งหากระยะไกลเกินไปก็อาจจะทำให้สัญญาณภาพเกิดปัญหาขึ้นได้อีก

       8. Cost ค่าใช้จ่าย ระบบกล้อง Network camera นั้นสามารถใช้งานร่วมกับระบบเครือข่ายที่มีอยู่ได้ทันที ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นอาคารสำนักงานต่างๆก็จำเป็นจะต้องมีระบบเครือข่ายใช้งานภายในอยู่ แล้ว หรือหากต้องมีการติดตั้งใหม่นั้น โดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแบบเดินสาย UTP นั้นจะถูกกว่าการติดตั้งหรือเดินสายแบบ Coax อยู่ประมาณ 20-30% นอกจากนั้นปัจจุบันราคาของอุปกรณ์ Network รวมถึงราคาเครื่องคอมพิวเตอร์ยังมีราคาลดลงจากเมื่อก่อนมาก อีกทั้งการติดตั้งระบบเครือข่ายใหม่ นอกจากจะสามารถใช้งานระบบกล้อง Network camera แล้วยังสามารถใช้งาน Application อื่นๆได้ด้วย ซึ่งทำให้ค่ายใช้จ่ายในปัจจุบันนั้น ไม่ได้สูงกว่าระบบ analog แบบเก่าเลย 

       จากเหตุผลต่างๆข้างต้น ผู้ใช้จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันกล้อง Network camera นั้นค่อนข้างจะมีปะสิทธิภาพ และประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายกว่าระบบ Analog ไม่ว่าจะเป็นตัวกล้องเอง ระบบในการใช้งานเอง ความยากง่ายในการติดตั้ง เคลื่อนย้าย ก็ตาม แล้วที่สำคัญปัจจุบันค่าใช้จ่ายต่างๆนั้นก็ใกล้เคียงกับระบบ Analog แบบเก่า แต่ให้ประโยชน์การใช้งานที่มากกว่า จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าในการเลือกใช้ระบบกล้องที่เป็นแบบ Network camera



การพิจารณาซื้อระบบกล้องวงจรปิด

» ประเทศผู้ผลิต::::       ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตในประเทศไต้หวัน เป็นที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและราคา ทำให้เป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่สินค้าจากประเทศจีน ที่บริษัทต่างๆ นำเข้ามาขายจะเน้นราคาถูก ทำให้สินค้าไม่มีคุณภาพอายุการใช้งานสั้นมาก 3 เดือน - 2 ปี ทางที่ดี เน้นสินค้าที่ผลิตจากประเทศไต้หวันเป็นหลัก จะดีกว่า

» อุปกรณ์ที่ใช้::::       สินค้าหลักที่ใช้ในระบบกล้องวงจรปิดมี 2 รายการ คือ
       กล้องวงจรปิด แบ่งเป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ
       1. กล้องแบบโดม ::  เหมาะสำหรับใช้ในอาคาร ที่แสงสว่างไม่เปลี่ยนแปลง ราคาถูก
       2. กล้องแบบทรงเหลี่ยม (CS - MOUNT) ::   เหมาะสำหรับใช้ทั้งภายใน และภายนอก ต้องใช้คู่กับเลนส์ 
                                                                               ซึ่งสามารถเปลี่ยนขนาดโฟกัสของเลนส์ได้ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดตามพื้นที่ที่ต้องการ
       3. กล้อง INFARED :::    เหมาะสำหรับใช้ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มืดสนิทในตอนกลางคืน เพราะมีหลอด INFARED ผลิตความถี่ให้เห็นในที่มืดสนิทได้

       อุปกรณ์บันทึกภาพ ต้องพิจารณาคุณลักษณะหลักๆ คือ
       1. ชนิดของอุปกรณ์บันทึกภาพ
           แบบ PC BASE จะใช้ในโปรแกรม MS Office มีแบบเป็น CARD และแบบผลิตสำเร็จมาพร้อม Computer จะมีคุณสมบัติมากมายเหมือน Computer
           แบบ STANDALONE เป็นแบบที่เป็นตัวเครื่องผลิตสำเร็จรูปมาจากโรงงาน มีคุณสมบัติครบถ้วนราคาถูก

       2. ความเร็วของภาพที่ดูจากจอภาพ / ความเร็วในการบันทึกภาพ จะพิจารณาเป็น ความเร็วภาพ/วินาที (Frame) ถ้ามีความเร็วสูง ภาพจะดูต่อเนื่องแต่เปลือง Memory ใน Harddisk มาก

       3. มาตรฐานในการบีบอัด (Compression) ของภาพมาตรฐานที่เป็นที่นิยมกันหลักๆ มีดังนี้ MPEG4 , MJPEG และ H.264 MPEG4 เป็นที่นิยมสูงสุด เพราะใช้พื้นที่ในการบันทึกน้อย
       4. การดูภาพผ่าน Internet / Lan ควรจะสามารถดูผ่าน Internet / Lan ได้
       การรับประกันสินค้า จะต้องขอเอกสาร เงื่อนไข การรับประกัน สินค้าจากบริษัทที่จำหน่าย เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
       การติดตั้ง มีความสำคัญมากไม่น้อยกว่าการเลือกสินค้า สายที่ใช้ในการติดตั้งมี 2 ชนิดคือ

       1. สายไฟฟ้า จะต้องใช้สายที่ได้มาตรฐาน มอก. ระวังผู้ขายที่ขาดความรับผิดชอบจะใช้สายโทรศัพท์แทนสายไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้สายร้อนและเกิดอัคคีภัยได้

       2. สายสัญญาณใช้สาย RG6 ที่ได้มาตรฐาน โดยจะต้องใช้สาย SHIELD 90% ขึ้นไป ควรจะใช้ยี่ห้อ มาตรฐาน เพราะถ้าใช้สายถูก ราคาเมตรละ 5 - 8 บาท จะ SHIELD ต่ำ 60% จะใช้งานได้ไม่นาน ภาพของกล้องจะเกิดสัญญาณรบกวน ต้องเดินสายใหม่ทั้งหมด งานติดตั้งจะต้องตรวจสายที่ติดตั้งจริงก่อนชำระการติดตั้ง การติดตั้งสำคัญมาก ถ้าต้องรื้อและเดินสายใหม่จะเป็นเรื่องใหญ่มาก


การเลือกบริษัทที่จำหน่าย
       ปัจจุบันธุรกิจกล้องวงจรปิดบูมมากทำให้บริษัทขายกล้องวงจรปิดเกิดมาก ทำให้มีการแข่งขันสูง มีผู้ขายบางรายหลอกลวงลูกค้า บางรายปิดกิจการไป โดยมีปัญหาต่างๆ พอสรุปดังนี้

       1. นำสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มาจำหน่าย โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศจีน ปัจจุบันสินค้าจีนที่มี คุณภาพดีมีจำนวนมากแต่ราคาจะใกล้เคียงสินค้าจากประเทศไต้หวันบางครั้งมีการ แอบอ้างว่าผลิต ในประเทศไต้หวัน แต่เป็นสินค้าคุณภาพต่ำจากประเทศจีน ส่วนใหญ่ลูกค้าที่พิจารณาแต่ราคาจะประสบปัญหา ซื้อไปแล้วใช้ไม่ได้นาน สินค้าจะชำรุดเร็วมาก

       2. ผู้ขายไม่บริการหรือบริการช้ามาก เนื่องจากผู้ขายไม่ได้นำเจ้าโดยตรง หรือผู้นำเข้าเลิกกิจการ จะต้องพิจารณาความมั่นคงของผู้ขาย หรือผู้นำเข้าเป็นสำคัญ

       3. การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้สายไฟและสายสัญญาณ ที่ไม่ได้มาตรฐานมาติดตั้ง ทำให้ภาพที่ปรากฏไม่ชัดเจน หรือใช้ได้ไม่นาน ภาพก็ไม่ชัดรวมถึงการไม่รับผิดชอบเกี่ยวกับ การติดตั้ง ควรระวังเรื่องการติดตั้งเป็นเรื่องสำคัญมาก


สรุป
       เลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดี ในราคามาตรฐานพิจารณาชนิด ประเภทของสายที่ใช้ในการติดตั้งอย่างละเอียด ซื้อสินค้า จากบริษัทที่น่าเชื่อถือเป็นมืออาชีพ เป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนของผู้นำเข้าที่ได้รับมาตรฐานรับรอง อาทิ บริษัทที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 รวมถึงอายุการรับประกันสินค้าถ้านาน จะเป็นหลักประกันในการให้บริการ

       สุดท้ายนี้ ควรไปชมการสาธิตสินค้าที่บริษัทผู้ขาย เพื่อจะได้เห็นคุณภาพสินค้าด้วยตาของเราเอง อีกทั้งจะได้เห็น กิจการของผู้ขายว่ามีความมั่นคง และมีบุคคลากร พร้อมที่จะให้บริการแก่ท่านหรือไม่ เพราะว่าเราควรจะใช้กล้องวงจรปิด ให้มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 5 ปี

การทำงานของเลนส์
เลนส์จะเป็นตัวรวมแสงให้ภาพตกกระทบที่แผ่นรับภาพ CCD โดยมี IRIS (ช่องให้แสงผ่าน) กำหนดให้ภาพที่เกิดมีความเข้มของแสงตามต้องการ
- ในกรณีที่มีแสงมาก IRIS จะต้องเปิดน้อย
- ในกรณีที่มีแสงน้อย IRIS จะต้องเปิดมาก


ประเภทของเลนส์

 

1. FIX IRIS IRIS ของเลนส์จะไม่สามารถปรับได้ ทำให้จะต้องใช้ในสถานที่ภายในอาคาร ที่มีแสงสว่างคงที่ตลอดเวลา

 

 

 

 

2. MANUAL IRIS IRIS
ของเลนส์จะสามารถปรับได้ด้วยช่างเทคนิคที่ติดตั้งกล้อง เหมาะสำหรับงานในอาคารที่มีความสว่างในแต่ละห้องไม่เท่ากัน สามารถปรับแสงให้เหมาะในแต่ละห้องได้
 

 

3. AUTO IRIS เป็นเลนส์ที่ IRIS จะปรับขนาดของการรับแสงเอง โดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบเลนส์ เหมาะสำหรับติดตั้งนอกอาคารที่ความสว่างเปลี่ยนตามแสงอาทิตย์
 

 

การเลือกใช้เลนส์

 


 
 โดยทั่วไปจะมีมาตรฐานเกลียวอยู่2ชนิด โดยทั้ง2ชนิดนั้นจะมีเกลียวขนาด 1นิ้ว และมีลักษณะคล้ายๆกัน
       - CS-mount ระยะห่างระหว่างตัวเซ็นเซอร์และเลนส์จะมีขนาด 12.5 มิลลิเมตร
 
 
 
 - C-mount ระยะห่างระหว่างตัวเซ็นเซอร์และเลนส์จะมีขนาด 17.5 มิลลิเมตร โดยสามารถที่จะใช้ C/CS Adapter ring เพื่อที่จะแปลงเลนส์แบบ C-mount ไปเป็นแบบ CS-mount ได้
 
 - Sensor size (ขนาดของตัวรับภาพ) เลนส์โดยทั่วไปนั้นจะสร้างภาพที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับตัวเซ็นเซอร์ โดยที่เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยที่เลนส์ที่มีขนาด ½ นิ้ว ก็จะใช้งานได้สำหรับเซ็นเซอร์ที่มีขนาด 1/2 นิ้ว, 1/3 นิ้ว และ ¼ นิ้ว จะไม่สามารถใช้ได้กับเซ็นเซอร์ที่มีขนาด2/3 นิ้ว ถ้าคุณเลือกเลนส์สำหรับเซ็นเซอร์ขนาดเล็กมาใช้งานกับเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ ก็จะได้ภาพที่มีมุมเป็นสีดำ

       - Focal length (ความยาวของจุดโฟกัส) ความยาวของจุดโฟกัสประกอบกับขนาดของเซ็นเซอร์จะให้มุมที่ดูแตกต่างกัน โดยถ้าขนาดความยาวของโฟกัสสั้นจะให้มุมมองที่กว้าง(wide-angle view) ถ้าขนาดความยาวของจุดโฟกัสยาว จะให้มุมมองที่แคบลง(telephoto view)
เลนส์ ที่มีมุมมองที่กว้าง(wide-angle view) จะมีมุมมองส่วนลึกของพื้นที่ได้ดีกว่าเลนส์ที่มีมุมมองแคบ(telephoto view) นั้นหมายความว่าคุณสามารถที่จะโฟกัสภาพเข้ามาใกล้ได้จากระยะไกล ซึ่งเลนส์ที่มีมุมมองแคบจะต้องการการโฟกัสภาพที่ถูกต้อง แน่นอนกว่า
 

         
รูปแบบหลักของเลนส์มีอยู่ 3 แบบคือ
       - Mono-focal. ความยาวของจุดโฟกัสนั้นถูกกำหนดมา เช่น 4 มิลลิเมตร
       - Zoom. ความยาวของจุดโฟกัสนั้นสามารถที่จะปรับได้โดยอยู่ในระยะที่กำหนด เช่น 4 ถึง 10 มิลลิเมตร
       - Varifocal zoom. เป็นเลนส์ซูมที่มีราคาค่อนข้างต่ำ โดยถ้ามีการเปลี่ยนระยะห่างของจุดโฟกัส เลนส์นั้นจะต้องมีการปรับตั้งโฟกัสใหม่ โดยทั่วไปจะมีขนาด 3.5 ถึง 8 มิลลิเมตร

ตัวอย่าง
       ขนาดภาพขนาดใดที่คุณสามารถที่จะเห็นได้ในระยะ10 ฟุต ถ้าคุณใช้กล้องที่มีขนาดเซ็นเซอร์ ¼ นิ้ว และใช้เลนส์ขนาด 4 มิลลิเมตร? H = D x h / f = 10 x 3.6 / 4 = 9 ft
       - Iris(รูรับแสง)ในส่วนของ Iris จะเป็นส่วนที่ใช้กำหนดปริมาณของแสงที่จะผ่านไปสู่เลนส์ โดยที่จะมีลักษณะแตกต่างกันอยู่ 3 แบบคือ
       - Manual Iris. หมุนปรับได้ที่วงแหวนIris หรือเลือกใช้เลนส์ที่กำหนดค่าIris มาแล้ว โดยเลือกขนาดของIris ทีมีให้ เช่น F1.4, F2.0 เป็นต้น
       - DC Auto Iris. เชื่อมต่อเข้าที่ช่องต่อ output ของตัวกล้อง โดยที่Iris จะถูกควบคุมโดยตัวกล้องโดย Digital Signal Processor (DSP)
       - Video Auto Iris. Iris จะถูกควบคุมโดยสัญญาณวีดีโอ
       เลนส์แบบออโต้ไอริสนั้น เหมาะสำหรับงานที่อยู่ภายนอกอาคาร โดยเลนส์นั้นจะสามารถปรับแสงให้เหมาะกับสภาพแสงขณะนั้น โดยที่จะให้คุณภาพแสงที่ดีที่สุด และยังสามารถป้องกันตัวรับภาพจากปริมาณแสงที่มีเข้ามามากเกินไป
       - F-number
       F-number =Focal length / Iris diameter 
       ถ้าจำนวน F น้อย จะทำให้คุณภาพของภาพนั้นดีกว่าในสภาวะที่มีแสงน้อย
กับ เลนส์ที่เป็นออโต้ไอริสนั้น จะต้องตั้งโฟกัสภาพในขณะที่มีแสงน้อยเสมอ เพราะถ้ามีการตั้งโฟกัสในขณะที่มีแสงสว่างเยอะนั้น อาจจะทำได้ง่าย แต่ว่าในขณะที่แสงนั้นน้อยลงจะทำให้เส้นผ่านศูนย์กลางของรูรับแสงปรับเล็กลง และอาจจะทำให้ภาพนั้นไม่อยู่ในโฟกัสได้ คุณสามารที่จะใช้ตัวกรองแสงสีดำแบบพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้เราลดปริมาณแสงได้ ตัวกรองแสงนี้จะช่วยในการติดตั้งกล้องของคุณได้

 

========================================================