เรื่องเล่ารอดตายจากไฟฟ้าแรงสูง
โดย : Admin

 

 

เล่าเรื่องโดย : เกรียง สุปันตี

  

ก่อนที่จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ของเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอเรียนชี้แจงเพื่อโปรดทราบว่า ไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดเรื่องคือ ไฟฟ้าแรงสูงที่พาดเสาใหญ่ผ่านทุ่ง ผ่านอำเภอนั้นไปอำเภอโน้นไปหมู่บ้านชุมชนต่าง ๆ เป็นสายเปลือยขนาดใหญ่ (ไม่หุ้มฉนวน) ชาวบ้านบริเวณเกิดเหตุบอกว่า สายไฟนี้ถ้ามีวัตถุอะไรผ่านเข้าไปใกล้ระยะประมาณ ๑ เมตร แรงดูดคล้ายแม่เหล็กจะดูดเข้าติดง่าย เมื่อก่อน ๆ บริเวณนี้มีนกนานาชาติชุกชุมมาก นกตัวใดมาเกาะสายไฟจะถูกกระแสไฟดูดตากลงมาตายทุกตัว
 
 
วันเกิดเหตุ
 
วันนั้นคือ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๗ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.เศษ ข้าพเจ้ากำลังใช้ไม้รวกยาวเกือบ ๑๐ เมตรสอยลูกไม้สัก (เมล็ดไม้สัก) อยู่ จู่ ๆ เกิดมีอาการลูกนัยน์ตาสว่างโชติช่วงเป็นแสงไฟนีออน กายสั่นเขย่าแรง ชาทั้งตัว คล้ายเร่งเครื่องยนต์เกียร์ว่าง ความรู้สึกไม่มี จะเรียก จะร้องโอดโอยไม่มีความมีชีวิตเป็นศูนย์ ไม่อาจรู้ว่าตนเองเป็นอะไร แล้วกายที่แข็งทื่อดั่งท่อนไม้ล้มฟาดพื้นดินตึง แรงกระแทกพื้นศีรษะกระดอนขึ้นแล้วกลับกระแทกอีกครั้ง นอนชักกายดิ้นดังปลาช่อนถูกทุบหัวบนแผงลอย พอฟื้นขึ้นจิตแว้บคิดถึง หลวงปู่ลี กุสฺสลธโร หลวงตามหาบัว ญาณสฺมปนฺโน หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ข้าพเจ้าร้องไห้คนเดียว น้ำตาหลั่งพราก ๆ ลูกไม่ตาย ลูกไม่ตาย มีแรงไปได้วันไหนจะไปกราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณองค์แรกก่อน แล้วค่อยไปกราบหลวงปู่ลีกับหลวงตามหาบัว จิตตั้งมั่นดีแล้วลุกขึ้นนั่งกับพื้นดินกายสั่น มือเท้าสั่น สงสัยตนเองว่าทำไมเป็นเช่นนี้ พยายามลุกยืนก็สั่น
 ทันใดนั้นลูกสาวข้าพเจ้า คือ น.ส.นันทวรรณ กัน น.ส.วันนา และเพื่อน ๆ จากโรงงานทอเส้นใยที่ไปเก็บลูกสัก และ นางวัลลิสา คลาดแคล้ว น้องข้าพเจ้า ต่างรีบเดินมาที่ข้าพเจ้าเล่าเหตุการณ์ที่แต่ละคนได้เห็นต่าง ๆ กัน คนที่ ๑ เห็นไฟฟ้าลุกเป็นประกายที่ปลายไม้รวกซึ่งข้าพเจ้าถืออยู่ คนที่ ๒ เห็นประกายไฟฟ้าวิ่งตามลำไม้ลวกลุกเป็นประกายที่มือและที่เท้าของข้าพเจ้า คนที่ ๓ เห็นประกายไฟฟ้าช็อตที่เท้ากับดินเป็นควันขึ้น คนที่ ๔ เห็นข้าพเจ้ากำลังนอนชักดิ้นที่พื้นดิน น.ส.นันทวรรณ วิ่งเข้าหาจะกระชากข้าพเจ้าให้หลุดจากไม้รวกที่กำอยู่ ไฟฟ้ากำลังดูดติดอยู่ แต่เพื่อน ๆ ห้ามไว้ เข้าไปฉุดกี่คนก็พากันตายหมด ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างนั้นตามเรื่องที่เกิด รอให้ข้าพเจ้าตายไฟก็หยุดไปเอง เมื่อข้าพเจ้าลุกยืนได้ พระภิกษุรูปหนึ่งดูแลงานสร้างเมรุอยู่ใกล้ ๆ เดินเข้ามาที่ข้าพเจ้าด้วยความเป็นห่วง พูดขึ้นว่า ตั้งแต่สายไฟแรงสูงผ่านตรงนี้ตาย ๓ ศพแล้ว โยมคนที่ ๔ ไม่ตายโชคดีนะ นายช่างขุนแผน หัวหน้าช่างสร้างเมรุ ร้องตะโกนจากบนอาคารเมรุ ให้เอาลุงไปนอนแผนสังกะสีเร็ว ๆ ถ่ายไฟฟ้าค้างออกจากตัวให้หมด ถ้าไม่ถ่ายไฟออกไม่งั้นตายแน่ ๆ เอาน้ำราดดินให้เปียกก่อนนะ วางสังกะสีที่ดินเปียกราดน้ำอีกทีให้ลุงนอนบนสังกะสีเร็ว ๆ
 
 
   เมื่อข้าพเจ้านอนบนแผ่นสังกะสีครู่หนึ่ง (ประมาณ ๓๐ นาที) อาการสั่นทั้งตัวและเท้าลดลง แต่มือขวายังสั่น ยังแกว่ง ๆ อยู่ เอาน้ำราดอีก กดมือแนบดินแน่นเข้าไว้ ครู่หนึ่งมือหยุดสั่นหยุดแกว่ง แต่อาการร้อนและปวดเมื่อยทั่วตัวไม่ลด ความชาทั้งตัวโดยเฉพาะที่แผ่นหลังซึ่งฟาดกับพื้นดินยังชามาก แม้เอามีดกรีดก็ไม่รู้สึกเจ็บ เข็มแหลมแทงไม่รู้สึกเจ็บ บาดแผลที่กัวแม่เท้าขวาซึ่งกระแสไฟพุ่งออกจากร่างกายทะลุลงสู่ดินก็ชาไม่รู้สึกเจ็บแม้จะทำการผ่าตัดใด ๆ น้ำในร่างกายไหลออกเป็นเหงื่อเปียกชุ่มดั่งตักน้ำราดอาบน้ำ ปวดร้าวทั้งตัวคล้ายตกต้นไม้สูงกระทบพื้นดิน แต่ไม่พูดให้ทุกคนในที่เกิดเหตุฟัง เพราะกลัวตกใจและเป็นห่วงข้าพเจ้ามากเกินไปแล้ววุ่นวาย พูดเพียงว่า ไม่เป็นไร ไม่เจ็บอะไรเลย ฝ่าเท้า หลังเท้า นิ้วเท้าขวาสุกแดง คล้าย ๆ กุ้งสดถูกเผา ฝ่ามือขวาสุกแดงทำนองเดียวกัน ปวดเจ็บปวดร้อนลึก ๆ หนักหน่วงทีเดียว ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกเจ็บปวดร้อนผิวหนัง แต่ไฟฟ้าดูดเจ็บปวดและร้อนลึกข้างในกายทั่วตัว
 
นายช่างขุนแผน ลงจากอาคารเมรุมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้าที่กำลังนอนถ่ายกระแสไฟฟ้าออก ถามข้าพเจ้าว่า ลุงมีดีอะไร ไฟฟ้าแรงสูงขนาดนี้ดูดไม่ตาย เท่าที่ผมเคยเห็นดูดใครได้เผาทุกราย บริเวณนี้ไฟดูดตายก่อนลุงมาแล้ว ๓ ศพ แต่ลุงไม่ตาย แปลกใจ ลุงโชคดีนะครับ
 
ข้าพเจ้าบอกนายช่างขุนแผนว่า งานที่ผมและครอบครัวมาทำนี้ทำถวายพระ หลวงปู่ลีท่านจะสร้างสวนป่าขึ้นใหม่ เพราะป่าเดิมชาวบ้านตัดไม้หมดแล้ว ถางเผาไปก็มาก ตั้งใจทำถวายพระด้วยใจตั้งมั่น จิตบริสุทธ์ บุญกุศลกรรมที่ดีคงช่วยไว้ พ่อยมบาลก็ต่ออายุให้อยู่ได้ทำบุญอีกต่อไปนานกว่าที่จะให้ตาย วันนี้อย่าเพิ่งตาย ยังไม่ให้ตาย ผมคิดอย่างนี้ถูกผิดอย่างไรผมก็ไม่รู้ ตั้งใจว่าได้ชื่อว่าความชั่ว ความทุจริตไม่ทำดีกว่า ทำแต่สิ่งดี ๆ ไว้ครับ คุณอย่าเพิ่งเชื่อผมนะ บางครั้งตั้งใจทำดีแต่ก็ตายครับ นายช่างขุนแผนพูดต่อไปอีกว่า ผมได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนใครอ๊อกเหล็กแถวนี้ เอ๊ะ ไม่มีใครอ๊อกเหล็กทำอะไรนี่ อ้าว หันไปดู ลุงกำลังนอนชักงัก ๆ ก็รู้ได้ลุงถูกไฟแรงสูงดูด เสร็จแล้ว ไฟเป็นหมื่นโวลต์จะไปเหลือเหรอครับ พอเห็นลุงฟื้นลุกนั่งจึงร้องตะโกนให้เอาลุงไปนอนสังกะสีเร็ว ๆ ถ้าช้าก็ตายอยู่ดี ถึงจะฟื้นมาได้ก็ตาม เพราะเลือดแห้ง เลือดในสมองแข้งตัว เซลล์ในตัวมันตายหมด
 นางวัลลิสา คลาดแคล้ว น้องสาวนำข้าพเจ้าส่งยังโรงพยาบาลเสาไห้ แพทย์พัดบาดแผลและให้ยาแก้อักเสบแล้วให้กลับบ้าน พักบ้านนางวัลลิสา อยู่ใกล้ ๆ ที่ว่าการอำเภอเสาไห้ อาการปวดร้อนลึก ๆ ไม่ทุเลา ภรรยาข้าพเจ้าและนางวัลลิสา จึงพาไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์รวมแพทย์สระบุรี แพทย์ให้ยาแก้ปวด แล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ จึงกลับไปพักบ้านนางวัลลิสาที่เสาไห้ น.ส.วรรณากับเพื่อน ๆ ที่โรงงานทอเส้นใย ทุกคนเขาก็เป็นห่วงเรื่องการปวดร้อน ได้จัดหาว่านหางจระเข้มาให้ จึงได้ว่านดังกล่าวพอกมือ พอกเท้า เอาเชือกรัดไว้กันหลุด เป็นอันว่าคืนนั้นอาการปวดร้อนลดลงเรื่อย ๆ เพราะว่านดูดพิษร้อนแสบได้ดีมาก วันที ๑๗ มกราคม ๒๕๓๗ ข้าพเจ้า นางไพพรรณ น.ส.นันทวรรณ เดินทางจากเสาไห้กลับกรุงเทพฯ แล้วไปรักษาตัวที่ รพ.มิชชั่นนารี ใกล้สนามม้านางเลิ้ง ปลายเดือนมกราคม ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าพอมีกำลังดีขึ้น เดินทางไปกราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ตามที่อธิษฐานใจไว้หลังจากฟื้นสติดังกล่าว หลวงพ่อบอกว่าในตัวข้าพเจ้ายังมีไฟฟ้าค้างอยู่ ไม่หมดอันตราย ๆ ให้เอายานี้ไปกินทำลายมันเสีย ได้รับน้ำมันจากหลวงพ่อ ๑ ขวด ข้าพเจ้ากินยาน้ำมันหลวงพ่อก่อนนอนวันละ ๑ ช้อนคาวทุกวัน ผลการบำบัดรักษาด้วยยาน้ำมันของหลวงพ่อ ยานี้กินแล้ว เวลาถ่ายหนักมีสีดำคล้ายน้ำล้างถ่าน (ถ่านหุงข้าว) ทุกวัน กลิ่นรุนแรงผิดปกติ ข้าพเจ้าไม่ตกใจอะไร คิดว่ายานี้ช่วยทำลายเซลล์ที่ตายในร่างกายเพราะไฟฟ้าดูดให้แปรสภาพขับของเสียออกจากร่างกายไม่ให้คั่งค้าง ให้พ้นอันตรายตามที่หลวงพ่อพูดว่า อันตราย ๆ กินยาเกือบหมดขวดก็ถ่ายหนักออกมาสีเหลืองอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่ายาน้ำมันของหลวงพ่อมีสรรพคุณบำบัดรักษาดีจริง ทั้งนี้เพราะระหว่างกินยาน้ำมันหลวงพ่อหยุดกินยาของโรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่ายำน้ำมันได้ผลขนาดไหน เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าไปให้แพทย์ รพ.มิชชั่น ตรวจร่างกายอีกครั้งหนึ่ง เรื่องที่ตรวจคือ เลือด คลื่นหัวใจ ปอดและการทำงานของปอด ความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือด น้ำตาลในเส้นเลือด เอกซเรย์ ผลการตรวจของแพทย์ ปกติดีทุกอย่าง ความรู้เรื่องการถ่ายกระแสไฟฟ้าออกจากร่างกาย
 
 ผู้ที่ถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงดูดถึงสลบ หมดสติ ก่อนที่แพทย์แผนปัจจบันจะทำการรักษาคนป่วย มีความจำเป็นมากที่ต้องถ่ายไฟฟ้าค้างออกจากกายให้หมด มิฉะนั้นจะทำให้เซลล์ในร่างกายตาย เลือดแข็งตัว สมองไม่สามารถสั่งงานได้ เซลล์แห้ง น้ำในร่างกายจะถูกขับออกเป็นเหงื่อจนหมด ควบคุมไม่ได้ เพราะระบบต่าง ๆ เสื่อมหมดแล้ว ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นต้นไม้สด ใบไม้สด เอาน้ำร้อนเดือดรดใส่วันนี้ อีก ๒ วันสังเกตดูได้จะปรากฏว่าใบไม้ที่ถูกน้ำร้อนลวกเหี่ยวเฉาและแห้งตาย แต่ไฟฟ้าดูดจะเป็นทั่วร่างกาย
 


   วิธีถ่ายไฟฟ้าค้างในร่างกายออกกระทำได้หลายวิธี
 วิธีแรก กระทำดังที่นายช่างขุนแผนแนะนะแก่ข้าพเจ้าดังกล่าวแล้ว 
 วิธีที่สอง ขุดดินเป็นหลุมยาวทำนองจะฝังศพ เอาคนป่วยฝังหลุมให้โผล่แค่คอไว้หายใจ เอาดินกลบร่าง ไฟฟ้าดับ จะถ่ายเทลงดินได้รวดเร็วตลอดตัว      ตัวอย่างมีรอดตายซึ่งอาจารย์สุชิน วงษ์ศา เล่าให้ฟังว่า ชายคนหนึ่งถูกไฟฟ้าแรงสูงดูด ทุกคนดูแล้วว่าชายคนนี้ตายแล้วประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ แต่บังเอิญคนที่มาดูเหตุการณ์เคยมีประสบการณ์เคยมีประสบการณ์แนะนำให้เอาคนป่วยฝังดังที่กล่าวข้างต้น คอยเฝ้าดูอาการประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ ปรากฏว่าชายคนนั้นฟื้นคืนชีพได้ อาจารย์สุชินที่ข้าพเจ้าอ้างถึง บ้านอยู่ตลาดพระพุทธฉาย อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี 

วิธีที่สาม เอาคนป่วยฝังทราย หรือให้คนป่วยนอนพื้นดินแล้วเอาทรายกลบถมตลอดตัว เหลือแค่คอไว้หายใจ คอยเฝ้าคนป่วยด้วย คล้ายวิธีที่สอง
เมื่อคนป่วยฟื้นแล้ว ให้รีบนำไปหาแพทย์โดยด่วน เพื่อแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนป่วยต่อไป
ครอบครัวข้าพเจ้าสวดมนต์ตามวิธีของหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลทุกวันไม่ขาด อานิสงส์นี้ประการหนึ่ง กุศลที่ข้าพเจ้าและครอบครัวตั้งใจกระทำด้วยบริสุทธิ์อีกประการหนึ่ง จึงเป็นผลให้ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูล แม้มีภัยมหันต็ยังมีผู้ช่วยให้พ้นภัยที่รุนแรงถึงชีวิต เป็นภัยที่เบาลงขนาดพอทนได้ เช่น
ทำให้ผู้มีความรู้แนะนำช่วยเหลือ คือ นายช่างขุนแผน ผู้ควบคุมสร้างเมรุ วัดจันทบุรี
ทำให้มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตได้ครบครันในจุดเดียวกันได้ คือ แผ่นโลหะสังกะสี และน้ำ

 

 

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://www.9engineer.com/)