คอนเนคเตอร์ Connector
โดย : Admin

คอนเนคเตอร์
Connector
ยุทธพงศ์ ทัพผดุง

                       วิศวกรหรือช่างส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่หรือราคาแพงๆเป็นหลัก อุปกรณ์ต่อเชื่อม
                  หรือคอนเนคเตอร์ซึ่งมีราคาถูกเมื่อเทียบกับเครื่องมือและอุปกรณ์อื่นๆของระบบ ถูกละเลยด้านการบำรุงรักษาไป

                คอนเนคเตอร์ที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
                       คอนเนคเตอร์ที่ดีต้องมีหน้าสัมผัสแท้จริงระหว่างโลหะเป็นจำนวนมากพอ      เพื่อที่จะทนต่อการรับกระแสสูงสุด
                  ซึ่งอาจจะเกิดได้ในระบบ และจะต้องไม่ทำให้คอนเนคเตอร์เองเสียสภาพหรือด้อยคุณภาพไปก่อนที่จะหมดอายุการ
                 ใช้งาน ซึ่งนอกจากจะต้องมีพื้นที่หน้าสัมผัสที่พอเพียงแล้วยังจะต้องป้องกัน  ไม่ให้ออกไซด์กินลึกเข้าไปในจุดสัมผัส
                 ซึ่งจะไปลดพื้นที่สัมผัสที่แท้จริงได้ในการต่อเชื่อมสายนั้นเราจำเป็นที่จะต้องทำให้ความต้านทานของจุดต่อเชื่อมสาย
                 มีค่าน้อยที่สุด นั่นหมายความว่า   จะต้องทำให้พื้นที่หน้าสัมผัส (Electrical Contact Area) สะอาดและเพิ่มขึ้นมากที่สุด
                 ซึ่งมีองค์ประกอบต่อไปนี้
                        -  ความต้านทานผิวหน้าสัมผัสของพื้นผิวที่สะอาดและหยาบจะมีค่าน้อยกว่าหน้าสัมผัสที่มีความสกปรกและละเอียด
                          เนื่องจาก เนินต่างๆของผิวที่หยาบจะช่วยทำให้ออกไซด์แตกออก       และเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสของโลหะกับโลหะ
                          ให้มากขึ้น
                        - การเตรียมพื้นที่ผิวที่สะอาดและหยาบนั้น สามารถทำได้โดยใช้แปรงโลหะขัดทำความสะอาดพื้นผิวโลหะที่เตรียม
                          ไว้ต้องทำการต่อเชื่อมทันที เนื่องจากถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดออกไซด์ขึ้นอีก


                  ชนิดของคอนเนคเตอร์ในปัจจุบัน

                  การแบ่งชนิดคอนเนคเตอร์โดยแบ่งตามลักษณะวิธีการต่อเชื่อมมี 3 ชนิด คือ
                 
 1. การต่อเชื่อมแบบปฏิกิริยาเคมีความร้อน (Exothermic Welding)
                      คอนเนคเตอร์แบบนี้เป็นการต่อเชื่อมสายไฟฟ้าโดยอาศัยปฏิกริยาเคมีความร้อนทำให้สารผงเคมีที่จะนำมาต่อเชื่อม
                   และสายไฟหลอมเหลวจนติดกัน ดังรูปที่ 1 ปฏิกิริยาความร้อนนี้เกิดจากการเผาผลาญออกไซด์ของ ทองแดงและอลูมินั่ม
                   ซึ่งทำให้เกิดอุณหภูมิถึงประมาณ 980 oC



รูปที่ 1 การต่อเชื่อมแบบปฏิกิริยาเคมีความร้อน

                    การใช้งานคอนเนคเตอร์แบบนี้มักจะใช้กับสายทองแดงในระบบสายดิน (Grounding) เช่นการต่อสายกับหลักดิน
                 (Ground rod) และระบบตาข่ายสายดิน (Ground Grid) ซึ่งมีการใช้ในสถานีจ่ายไฟฟ้าย่อย (Substation) และโรงผลิต
                 กระแสไฟฟ้า (Power Plant & Switch Yard) เป็นต้น

                ข้อเสียของคอนเนคเตอร์แบบนี้
                - การตรวจสอบคุณภาพของรอยต่อเชื่อมไม่สามารถทำได้นอกจากการทำลายหรือผ่ารอยต่อเชื่อมออก
                - การเชื่อมต่อสายไม่สามารถที่จะกระทำในสถานที่เปียกหรือชื้นได้
                - เวลาที่ใช้ในการต่อเชื่อมสายต่อจุดใช้เวลานานประมาณ 30 นาทีต่อจุด
                - พนักงานต่อเชื่อมสายต้องได้รับการอบรมพิเศษหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ
                - ต้องมีการใช้อุปกรณ์พิเศษเฉพาะสำหรับการต่อเชื่อมสาย

                 2. การต่อเชื่อมแบบลวดเชื่อมความร้อน(Brazed)
                การต่อเชื่อมสายแบบนี้เหมือนกับการเชื่อมโลหะด้วยแก๊สทั่วๆไป โดยการใช้เปลวไฟความร้อนที่เกิดจากการ เผาไหม้
              ของแก๊สอ๊อกซิเจนและอะซิทีลีน ซึ่งจะปรับการเผาไหม้ให้เหมาะสมเพื่อที่จะหลอมลวดเชื่อมความร้อนและเชื่อมสายไฟฟ้า
              เข้าด้วยกัน ซึ่งในอดีตมักจะใช้การต่อเชื่อมแบบนี้กับสายทองแดงเป็นหลัก การต่อเชื่อมสายอลูมินั่มนั้นสามารถทำได้แต่
              จะมีปัญหาการทนการรับแรงดึงของรอยต่อ และในปัจจุบันได้เลิกใช้วิธีการต่อเชื่อมแบบนี้แล้ว เนื่องจาก
                - การต่อเชื่อมสายแบบนี้เหมาะกับการต่อเชื่อมแกนเดียว และไม่นิยมใช้กับสายเกลียว
                - ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพรอยต่อภายในได้
                - ผู้ปฏิบัติงานต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการเชื่อมเฉพาะด้าน
                - การทนต่อการรับแรงดันของรอยต่อไม่ดีเท่ากับการเชื่อมต่อแบบอื่นๆ
                - อุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายเพื่อทำงานในภาคสนาม

                3. การต่อเชื่อมแบบใช้แรงอัด (Pressure Type)
                  การต่อเชื่อมสายไฟฟ้าแบบใช้แรงอัด เป็นการต่อเชื่อมสายไฟฟ้าโดยอาศัยแรงอัดซึ่งเกิดจากการบีบตัวของอุปกรณ์
                ต่อเชื่อม หรือคอนเนคเตอร์โดยใช้ความร้อนในการต่อเชื่อมเหมือนกับ 2 วิธีแรก  ดังที่กล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้
                ในภาคสนาม เพราะมีความสะดวกในการบิดตัวมากกว่าและสามารถใช้ได้กับสายเกือบทุกชนิด ซึ่งสามารถแบ่งย่อยออก
                เป็น 3 แบบ
                   3.1 คอนเนคเตอร์แบบเกลียวขัน (Bolt Type Connector)
                 คอนเนคเตอร์แบบเกลียว อาศัยหลักการอัดสายไฟที่จะนำมาต่อเชื่อมด้วยแรงบีบอัดเกิดจากการขันน๊อต หรือ สกรู
                 (Bolt) อุปกรณ์ต่อเชื่อมสายไฟฟ้าแบบนี้  อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามลักษณะ การใช้งานเช่นแบบแคลมป์
                 (Hotline Clamp) แบบร่องคู่ หรือ พี.จี. (PG or Parallel Grove) และแบบเกลียวแยก (Split Bolt) ดังรูป




รูปที่ 2 คอนเนคเตอร์แบบเกลียวขัน

                          คอนเนคเตอร์แบบเกลียวขั้น เป็นที่นิยม เพราะคอนเนคเตอร์ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ อีกทั้งยังมีราคาถูก
                     แต่คอนเนคเตอร์แบบเกลียวก็มีข้อเสียดังนี้คือ
                     - ความหนาแน่นของรอยต่อขึ้อนอยู่กับน้ำหนักการขันน๊อตหรือสกรูถ้าขันไม่แน่น จะทำให้เกิดความต้านทานสูง
                       ถ้าขันแน่นเกินไปจะทำให้เกิดปรากฏการณ์คลายตัวของสายไฟ
                     - คุณภาพของจุดต่อเชื่อมขึ้นอยู่กับวินัยของพนักงานต่อเชื่อมสาย
                     - รอยต่อไม่สามารถรับแรงดึง (Tension) ได้สูงเหมือนการต่อเชื่อมสายแบบอื่น
                     - น๊อตหรือสกรูจะคลายตัวตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กันสภาวะอุณหภูมิที่ร้อนๆ เย็น
                     - ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง ทั้งในการเปลี่ยนคอนเนคเตอร์ที่ไหม้และการตรวจสอบจุดต่อเชื่อมสายตามคาบเวลา
                        (Periodic Preventive Maintenance)

                    3.2 คอนเนคเตอร์แบบบีบ (Compression Type Connector)
                          คอนเนคเตอร์แบบบีบอาศัยหลักการอัดสายไฟฟ้าที่จะนำมาต่อเชื่อมด้วยแรงบีบจากเครื่องมือหรือคีมที่ออกแบบมาเป็น
                     พิเศษโดยเฉพาะอุปกรณ์ต่อเชื่อมแบบนี้ มีข้อดีคือสามารถรับแรงดึงสูงได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีขอเสียบางประการ เช่น
                    - การติดตั้งต้องใช้แรงบีบสูงทำให้สายเสียรูปและเกิดแรงดันในสายมาก
                    - ต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือคีมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะในการติดตั้ง
                    - หลังจากการติดตั้งคอนเนคเตอร์แบบบีบแล้วจะไม่สามารถถอดประกอบได้เหมือนคอนเนคเตอร์ชนิดอื่นๆ




รูปที่ 3 คอนเนคเตอร์แบบบีบ

                 3.3 คอนเนคเตอร์แบบลิ่ม (Wedge Type Connector)
                 เทคโนโลยีการต่อเชื่อมสายได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้มีการผลิตอุปกรร์ต่อเชื่อมสายหรือคอนเนคเตอร์แบบใหม่ๆ
                ออกสู่ตลาดโดยการเปลี่ยนแปลงจากการต่อเชื่อม  โดยใช้แรงอัดด้วยน๊อตหรือสกรูหรือการบีบโดยใช้คีมมาเป็นการอัด
                ด้วยโลหะดังรูป  ซึ่งมีข้อดีคือ    ไม่ทำให้สายไฟเสียรูปเหมือนการต่อเชื่อมแบบอื่น  มีเครื่องมือช่วยทุ่นแรงในการติดตั้ง
                และคุณภาพของรอยต่อเชื่อมจะดีเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังมีข้อเสียอยู่บางประการ คือ คอนเนคเตอร์แบบนี้ยังมีราคา
                ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคอนเนคเตอร์ชนิดอื่นๆและจะต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการติดตั้งเฉพาะ



รูปที่ 4 คอนเนคเตอร์แบบลิ่ม

                    คอนเนคเตอร์กับการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า
               เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ความต้านทานจะทำให้เกิดความร้อนขึ้น ความร้อนนี้เป็นรูปหนึ่งของพลังงานสูญเสียในบรรยากาศ
              ถ้าพลังงานความร้อนเกิดขึ้นมากที่จุดใด   นอกจากจะทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานแล้ว  อาจจะทำอันตรายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า
              ต่างๆ ณ จุดนั้นได้

              สูตรการสูญเสียพลังงาน (Energy Loss) เริ่มต้นจากกำลังไฟฟ้า (Power) ดังสูตรต่อไปนี้
              
               Power = I*I*R วัตต์ (watt)
               โดยที่ Power = กำลังไฟฟ้าที่สูญเสียไป (watt)
                         I = กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านจุดความต้านทานั้น (Amps)
                         R = ความต้านทาน (Ohms.)
                กำลังไฟฟ้าที่สูญเสียตามสูตรนั้นสามารถคำนวณออกมาเป็นตัวเงินได้ จึงจำเป็นต้องปรับสูตรให้อยู่ในรูปแบบของพลังงาน
                 ดังนี้

                โดยที่ Hours = จำนวนชั่วโมงต่อปี
                          L.F. = ช่วงเวลาของการจ่ายไฟ หรือ Load Factor
                          Cost = ค่าการผลิตกระแสไฟฟ้า (บาท/กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง)




รูปที่ 5 การสูญเสียพลังงานในรูปของความร้อนที่จุดต่อของอุปกรณ์ตัดตอนใน
ระบบจำหน่ายไฟฟ้าในประเทศไทย ตรวจสอบโดยกล้องตรวจสอบหาจุดร้อน

 
                 สรุป
                     จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้คอนเนคเตอร์เพื่อนำมาใช้งานในระบบของคุณนั้นจะต้องมี
                   ข้อพิจารณา อยู่หลายประการ   เพื่อให้เหมาะสมกับงานหรือระบบของคุณให้มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ คือการ
                   ประมาณจุดคุ้มทุน หรือด้านเศรษฐศาสตร์ เพราะจะทำให้สามารถตัดสินใจเลือกใช้คอนเนคเตอร์ประเภทใด บริเวณ
                   ไหน ลักษณะและประเภทของงาน และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ เห็นไหมครับว่า  คอนเนคเตอร์เหมือนจะไม่มีความ
                   สำคัญแต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว  คอนเนคเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญไม่น้อย  และอาจจะส่งผลให้เกิดความสูญเสีย
                   พลังงานไฟฟ้าในระบบของคุณ หรืออาจทำให้ความเชื่อถือของระบบของคุณลดลงเนื่องจาก สายขาดหรือหลุดได้

                  เอกสารอ้างอิง

                  - เอกสารประกอบการฝึกอบรม บริษัท Tyco Electronic เรื่อง AMP คอนเนคเตอร์แบบลิ่ม WEDGE CONECTOR
                    TECNOLOGY
                 - http://www.oldtimerockandroll.com/
                 - http://www.exothermicweld.com/
                 - www.ehvpower.com

เนื้อหาโดย: 9engineer.com (http://www.9engineer.com/)