การตรวจสอบคาปาซิเตอร์แรงต่ำ
|
เมื่อต้องการตรวจสอบคาปาซิเตอร์ทั้งที่เป็นการตรวจสอบเพื่อการบำรุงรักษาหรือว่าต้องการตรวจสอบเนื่องจากมีปัญหา
ในการใช้งาน
เราอาจมีการตรวจสอบดังนี้
การตรวจสอบสภาพทั่วไป
เป็นการตรวจสอบลักษณะภายนอกซึ่งเป็นส่วนประกอบต่างๆของคาปาซิเตอร์ดังนี้
ตัวถัง
ถ้าปรากฏว่ามีตัวถังบามหรือแตกและมีรอยไหม้หรือมีสีเปลี่ยนจากเดิม
แสดงว่าคาปาซิเตอร์เกิดความผิดปกติขึ้น
ภายใน
ขั้วต่อสาย
ตรวจดูขั้วต่อสายซึ่งเป็นจุดต่อว่าหลวมหรือสกปรกหรือไม่
การที่ขั้วหลวมหรือหน้าสัมผัสสกปรกจะทำให้กระแสไหล
ผ่านไม่สะดวก
เกิดความร้อนสะสมอาจทำให้คาปาซิเตอร์ชำรุดเนื่องจากความร้อนสะสม
ถ้าพบกรณีดังกล่าวควรทำสะอาด
จุดสัมผัสอาจใช้คอมเปาด์ทาช่วยให้จุดสัมผัสสะอาดและนำกระแสไฟฟ้าได้ดีขึ้น
และการขันจุดต่อตรงขั้วสายให้แน่น โดย
ใช้แรงบิด
(TorQue) ตามข้อแนะนำของบริษัทผู้ผลิต
การตรวจสอบค่าทางไฟฟ้า
เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติทางไฟฟ้าของคาปาซิเตอร์
ซึ่งมีการตรวจสอบดังนี้
1.
การตรวจสอบค่าความเป็นฉนวน
2.
การตรวจสอบค่ากระแสคาปาซิเตอร์
3.
การตรวจสอบค่าคาปาซิแตนซ์
การตรวจสอบค่าความเป็นฉนวน
วิธีการตรวจสอบจะต้องทำโดยปลดคาปาซิเตอร์ออกจากระบบ
รอเวลาให้คาปาซิเตอร์คายประจุประมาณ 5 นาที แล้ว
ทำการตรวจสอบโดยใช้
เมกกะโอมห์ที่แรงดันขนาด 500 VDC แล้วทำการทดสอบระหว่างขั้วของคาปาซิเตอร์กับตัวถัง
คาปาซิเตอร์แรงต่ำชนิด
SELF HEALING TYPE ควรมีค่าความเป็นฉนวนไม่เกิน 1 เมกกะโอห์ม
การตรวจสอบค่ากระแสคาปาซิเตอร์
วิธีการตรวจสอบชนิดนี้ทำโดยวัดค่ากระแสคาปาซิเตอร์ขณะใช้งาน
โดยแอมป์มิเตอร์ ชนิดแคลมป์มิเตอร์นำไปคล้อง
กับสายเฟสของคาปาซิเตอร์ ค่าที่อ่านได้จะเป็นกระแสเฟสของคาปาซิเตอร์
โดยสามารถคำนวณกระแสของคาปาซิเตอร์
ปกติได้
เช่น ถ้าเป็นคาปาซิเตอร์แบบ 3 เฟส แรงดัน 400 V จะคำนวณกระแสได้จากสูตร
|
|
หรือถ้าเป็นคาปาซิเตอร์แบบ
1เฟส แรงดัน 220 V จะใช้สูตร |
|
ค่าแรงดันเป็นค่าแรงดันจริงของระบบขณะวัด
ส่วนค่า kVAr อ่านได้จากเนมเพลท ค่ากระแสที่อ่านได้จะมีค่าอยู่ในช่วง
ระหว่าง
-5% ถึง10% ของค่าที่คำนวณได้เป็นคาปาซิเตอร์ใหม่ที่ยังไม่เคยใช้งาน
ถ้าค่าที่อ่านได้มีค่าต่ำแสดงว่าคาปาซิเตอร์
มีการเสื่อมสภาพมากจนค่า
PF ของระบบต่ำกว่าที่ต้องการจึงควรเปลี่ยนใหม่ ถ้าที่ค่าอ่านได้มีค่าสูงกว่าค่าที่คำนวณแสดงว่า
เกิดโอเวอร์โหลดที่สามารถทำให้ค่าคาปาซิเตอร์เสื่อมเร็วกว่าปกติได้
ควรหาสาเหตุให้พบแล้วทำการแก้ไข ตัวอย่างของ
สาเหตุที่เกิดการโอเวอร์โหลดคือ
มีปัญหาฮาร์มอนิกหรือแรงดันระบบสูงเกินพิกัดของคาปาซิเตอร์
หมายเหตุ
เนื่องจากการตรวจสอบกระแสจะต้องทำการวัดค่าขณะคาปาซิเตอร์ใช้งานอยู่
ซึ่งต้องระมัดระวังอันตรายจากไฟฟ้า
ดูดโดยสวมถุงมือป้องกันไฟทุกครั้ง
และวิธีการแคล้มป์มิเตอร์นี้ห้ามใช้กับแรงดันเกินกว่า 600 V
เนื่องจากเครื่องมือโดย
ส่วนใหญ่จะทนแรงดันได้ไม่สูงนัก เพื่อเป็นความปลอดภัยในการวัด
การตรวจสอบค่าคาปาซิแตนซ์
วิธีการวัดค่าคาปาซิเตอรแรงต่ำจะต้องทำการวัดขณะคาปาซิเตอร์ไม่จ่ายไฟและต้องดิสชาสต์คาปาซิเตอร์ไม่ให้มีประจุค้าง
เหลืออยู่ในคาปาซิเตอร์
โดยอาจวัดแรงดันที่ค้างอยู่ในคาปาซิเตอร์ซึ่งเป็นแรงดันไฟตรง
ถ้ามีแรงดันค้างอยู่ควรดิสชาร์จ
แรงดันทิ้งโดยใช้กราวด์
สำหรับเครื่องมือที่ใช้มักเป็นมิเตอร์ที่อ่านค่าคาปาซิแตนซ์ได้
การวัดจะต้องปลดคาปาซิเตอร์ไม่ให้
ต่อร่วมกับวงจรอื่นกรณีคาปาซิเตอร์แบบ
3 เฟส จะต้องวัดค่าเฟสต่อเฟส (Phase to Phase or line to line
) เช่น |
|
รวมทั้ง
3 ค่า ค่าที่อ่านได้จะมีค่าใกล้เคียงกันและมีค่าอยู่ระหว่าง
-5% ถึง10% ของค่าพิกัดตามตาราง ตัวอย่าง เมื่อผ่านการใช้
งาน
ค่าคาปาซิแตนซ์นี้จะมีค่าลดลงเรื่อยๆ ถ้าที่อ่านได้มีค่าต่ำมากจนค่า
PF ของระบบต่ำกว่าที่ต้องการ จึงควรเปลี่ยนใหม่ |
ตารางค่ามาตรฐานกระแส
, แรงดันและ ค่าคาปาซิแตนซ์
|
ขนาด
kVAr
|
ค่ากระแส Amp
|
ค่าแรงดัน
Volt
|
ค่าคาปาซิแตนซ์
Microfarad
|
15
|
20.9
|
400
|
149.2
|
20
|
27.8
|
400
|
198.9
|
30
|
41.7
|
400
|
298.8
|
50
|
69.6
|
400
|
497.3
|
75
|
104.3
|
400
|
746.0
|
หมายเหตุ
: ค่าคาปาซิแตนซ์ ที่คำนวณจากคาปาซิเตอร์แบบแรงต่ำที่ต่อวงจรแบบเดลตา
|
|
ในทางปฏิบัติการจะดูว่าคาปาซิเตอร์เสื่อมมากเพียงใด
ควรพิจาราณาถึงค่ากระแสและค่าคาปาซิแตนซ์รวมกัน เพื่อให้แน่ใจ
ว่าไม่เกิดความผิดพลาดในการวัด
อัตราเสื่อมของคาปาซิเตอร์ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
และคุณภาพของคาปาซิเตอร์เอง
สำหรับการตัดสินใจว่าควรเปลี่ยนคาปาซิเตอร์เมื่อไร
นอกจากดูค่า PF โดยรวมแล้วยังขึ้นกับสะดวกในการเปลี่ยนแปลงอีก
ด้วยเช่น หากการดับไฟเพื่อเปลี่ยนทำได้ยาก จึงอาจเปลี่ยนคาปาซิเตอร์ทีละหลายๆตัวพร้อมกัน
ทั้งตัวเสื่อมมากและเสื่อมน้อย
เพื่อให้แน่ใจว่ามีคาปาซิเตอร์เพียงพอตลอดเวลาในอนาคต |
|
เอกสารอ้างอิง
วารสาร
คุณภาพไฟฟ้า Vol11 / July - September 2002 ; ABB LIMITED
(ขอขอบคุณ
ชาวสมาชิก 9engineer คุณมาโนชน์ ที่กรุณาส่งข้อมูลมาเพื่อเป็นความรู้เผยแพร่ |